แฟน ๆ บลูบอมเบอร์ได้เวลาฉลองกันเสียที เพราะ Capcom ประกาศเปิดตัว Mega Man: Dual Override เกมภาคใหม่แบบเต็มตัวครั้งแรกนับตั้งแต่ Mega Man 11 ในปี 2018 และยังลงให้แทบทุกแพลตฟอร์มทั้ง Xbox Series X|S, PS5, PS4, Xbox One, Nintendo Switch, Nintendo Switch 2 และ PC เรียกว่าถ้ามีเครื่องเกมอะไรอยู่ในบ้าน น่าจะหนี Mega Man ภาคนี้ไม่พ้นแน่นอน
รายละเอียดเนื้อเรื่องยังถูกเก็บไว้เงียบ ๆ แต่ในเทรลเลอร์แรกก็ส่งสัญญาณชัดว่า “โทนคลาสสิกยังอยู่ครบ” เราได้เห็นเกมเพลย์ไซด์สกรอลวิ่งยิงรูปแบบดั้งเดิม ที่แฟนยุคเก่าเห็นแล้วต้องอมยิ้ม ส่วนแฟนยุคใหม่ก็จะได้สัมผัสความยากแบบดุดันสไตล์ Mega Man ดั้งเดิม แต่ห่อด้วยภาพและงานอนิเมชันที่เนียนกริบในยุคคอนโซลปัจจุบัน
ช่วงท้ายของเทรลเลอร์ถือว่าน่าสนใจเป็นพิเศษ เพราะมีช็อตที่ Mega Man ปล่อยไอน้ำร้อนออกมาจากเกราะเหมือนระบายความร้อน ซึ่งไม่ค่อยได้เห็นในภาคก่อน ๆ ทำให้หลายคนเริ่มเดากันว่า ระบบเกจความร้อนหรือกลไกใหม่บางอย่างอาจถูกใส่เข้ามาเป็นแกนของเกมเพลย์ในภาคนี้ แถมยังมีเสียงหวีดแปลก ๆ คล้ายเสียงเป่าปากของ Proto Man ดังขึ้นในตอนท้ายอีกต่างหาก ยิ่งทำให้บรรดาแฟนรุ่นเดอะเริ่มสงสัยว่า เขาจะมีบทบาทอะไรสำคัญในภาคนี้หรือเปล่า
Mega Man: Dual Override ยังถูกวางตัวให้เป็นเกมฉลองครบรอบ 40 ปีของแฟรนไชส์ Mega Man ที่มียอดขายรวมทะลุ 43 ล้านชุดทั่วโลกแล้วในตอนนี้ เพื่ออุ่นเครื่องให้คนที่ยังไม่เคยเล่นหรืออยากกลับไประลึกความหลัง Capcom เลยจัด Mega Man 11 ลดราคาจนเหลือต่ำกว่า 5 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณไม่ถึง 170 บาทบนทุกแพลตฟอร์ม เป็นเหมือนบันไดขั้นแรกให้ทั้งแฟนเก่าแฟนใหม่ได้กลับไปสัมผัส “จังหวะและความกดดันแบบ Mega Man แท้ ๆ” ก่อนเข้าสู่ยุค Dual Override
และในสไตล์ Capcom ที่อยากให้แฟนมีส่วนร่วมกับซีรีส์จริง ๆ ยังมีการจัดประกวดออกแบบ Robot Master ตัวใหม่ โดยผู้ชนะจะได้ให้ผลงานของตัวเองกลายเป็นบอสที่โผล่ในเกมภาคนี้แบบเป็นทางการ ใครเคยวาดเล่นตอนเด็กว่าถ้าเราออกแบบหุ่นบอสเองได้มันจะเท่ขนาดไหน นี่คือโอกาสทองระดับประวัติศาสตร์ของแฟน Mega Man อย่างแท้จริง
Mega Man เคยเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของยุคเกม 8-bit และ Dual Override ก็ดูเหมือนจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของซีรีส์ในยุคใหม่ ที่ต้องตอบโจทย์ทั้งแฟนดั้งเดิมที่อยากได้ความโหดคลาสสิก และผู้เล่นยุคปัจจุบันที่คาดหวังความลื่นไหลและดีไซน์ที่ร่วมสมัยมากขึ้น ถ้า Capcom เล่นไพ่ถูก ภาคนี้อาจไม่ใช่แค่การกลับมา แต่เป็นการ “รีบูตความเชื่อมั่น” ให้ Mega Man กลายเป็นซีรีส์หลักตัวจริงอีกครั้งในยุคคอนโซลใหม่ด้วย


