การเปิดตัว Divinity เกมใหม่จาก Larian Studios ทำเอาแฟน ๆ ทั้งดีใจทั้งงงไปพร้อมกัน เพราะมันไม่ใช่ Divinity: Original Sin 3 แบบที่หลายคนเดาไว้ แต่ก็ยังดูทะเยอทะยานระดับ “โปรเจกต์ต่อจาก Baldur’s Gate 3” อยู่ดี คำถามสำคัญก็เลยตามมาทันทีว่า เกมเพลย์จะยังเป็นเทิร์นเบสไหม แล้วมีลุ้นได้เล่นกันเมื่อไหร่กันแน่
Swen Vincke ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Larian ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg เคลียร์ประเด็นใหญ่เลยว่า Divinity ภาคนี้ยังเป็น RPG เทิร์นเบสเต็มตัว เหมือนที่แฟน ๆ คุ้นเคยจาก Original Sin และ Baldur’s Gate 3 แต่อัปสเกลขึ้นไปอีกขั้น เขาบอกแบบตรง ๆ ว่า นี่จะเป็น “ตัวตนของ Larian ที่ปลดล็อกเต็มที่” รวมทุกอย่างที่เคยทำได้ดีในอดีต แล้วดันขึ้นไปสู่ระดับใหม่
ในเชิงโมเดลการปล่อยเกม Larian ยังยึดแนวทางเดิมคือ ลง Early Access ก่อน เพื่อให้แฟน ๆ ได้เล่นและช่วยฟีดแบ็กเหมือนที่เคยทำกับ Original Sin 2 และ Baldur’s Gate 3 แต่ Vincke ก็เบรกความหวังกันตั้งแต่เนิ่น ๆ ว่า โอกาสที่เกมจะปล่อยจริงในปี 2026 นั้น “ไม่น่าเป็นไปได้” เรียกว่ารอลุ้นกันระยะกลางยาวมากกว่ารอปีหน้าแน่นอน
สิ่งที่ทำให้โปรเจกต์ใหม่นี้ยิ่งน่าสนใจ คือเดิมทีทีมงานเคยเริ่มทำเกมใหม่ร่วมกับ Wizards of the Coast (เจ้าของ Dungeons & Dragons) มาก่อน ซึ่งเขาบอกว่าตอนนั้น “ทุกอย่างบนกระดาษดูเจ๋งมาก” แต่หัวใจของทีมรู้สึกไม่เชื่อมกับโปรเจกต์จริง ๆ สุดท้ายเลยตัดสินใจเบนเข็มกลับมาหา Divinity ในแบบที่ทีมอินด้วยเต็มร้อย Vincke ถึงขั้นบอกว่าแม้เขาจะ “ภูมิใจใน Baldur’s Gate 3 มาก แต่เกมนี้จะดียิ่งกว่า”
เหตุผลหนึ่งคือ คราวนี้ Larian ไม่จำเป็นต้องแปลกฎจาก D&D หรือระบบของคนอื่นมาใช้ แต่สามารถออกแบบระบบให้ “เกิดมาเพื่อเป็นวิดีโอเกม” ตั้งแต่ต้น ทำให้ทั้งการคอมแบต การใช้สกิล และการอ่านเกมของผู้เล่นถูกดีไซน์ให้เข้าใจง่ายและลื่นในบริบทเกมดิจิทัล ไม่ต้องฝืนฟังก์ชันหรือบาลานซ์รอบของระบบดั้งเดิมจากกระดาน
Divinity ภาคใหม่นี้ยังพัฒนาบนเอนจินใหม่ทั้งก้อน แน่นอนว่ามีปัญหาในช่วงเริ่มต้นเหมือนทุกโปรเจกต์ใหญ่ แต่เป้าหมายของทีมคือทำให้รอบการพัฒนา “สั้นลงแต่ดีขึ้น” Vincke บอกว่าระยะเวลาที่เหมาะสมคือราวสามถึงสี่ปี ไม่ใช่ลากยาวหกปีแบบที่เคยเจอกับบางโปรเจกต์ที่ผ่านมา
ในด้านงานเล่าเรื่อง แฟน Baldur’s Gate 3 ไม่ต้องกังวล เพราะ Larian ยืนยันว่า จะ “ดันหนักกว่าเดิม” ทั้งด้านเนื้อเรื่องและตัวละคร พร้อมกับอัปเกรดระบบสตรีมมิ่งและเทคโนโลยีเบื้องหลัง เพื่อให้ฉากแต่ละฉากต่อกันลื่นขึ้น โลกใหญ่ขึ้น และการตัดสินใจของผู้เล่นถูกสะท้อนกลับมาด้วยความลึกในแบบที่คาดหวังจากสตูดิโอนี้ – แต่อัประดับให้หนักกว่าเดิม
สรุปคือ Divinity ภาคใหม่นี้ไม่ใช่แค่ “ภาคต่อเลข 3” แต่คือการเปิดจักรวาลใหม่ที่ใช้ความมั่นใจหลังความสำเร็จของ Baldur’s Gate 3 เป็นแท่นยิง ทีมงานเลือกกลับมาทำ IP ของตัวเอง บนระบบเทิร์นเบสที่ออกแบบเพื่อวิดีโอเกมล้วน ๆ และใช้ Early Access เป็นสนามทดสอบอีกครั้ง ใครที่คิดว่า Larian คงยากจะขึ้นไปได้สูงกว่านี้ อาจต้องเตรียมใจโดนเซอร์ไพรส์อีกรอบ
