Diablo 4 เล่นอาชีพอะไรดี? แต่ละอาชีพเป็นอย่างไร? ข้อมูลครบจบในที่เดียว

Diablo 4 เล่นอาชีพอะไรดี? แต่ละอาชีพเป็นอย่างไร? ข้อมูลครบจบในที่เดียว

Gametonix ได้รวบรวมข้อมูลเบื้องต้นของอาชีพในเกม Diablo 4 ที่จำเป็นสำหรับผู้ที่ยังไม่รู้ว่า แต่ละอาชีพหรือแต่ละ Class มีลักษณะโดดเด่นในด้านใด และแต่ละอาชีพเป็นอย่างไรกันบ้าง และจะได้เตรียมตัวก่อนที่จะเข้าไปเล่นพร้อมกันทั่วโลก ในวันที่ 6 มิถุนายน 2023 หรือเพื่อใครที่กำลังมองหาข้อมูลสรุปคร่าวๆ ในแต่ละอาชีพล่วงหน้าและต้องการอ่านข้อมูลเบื้องต้นที่พอจะช่วยให้ตัดสินใจคร่าวๆ ได้ว่าต้องการเล่นอาชีพอะไรดี โดยสามารถติดตามอ่านได้ด้านล่างนี้

Diablo 4 มีอาชีพอะไรบ้าง?

เกม Diablo 4 จะมี Class หรือ อาชีพทั้งหมดให้เราได้เลือกเล่น 5 อาชีพ คือ Rogue, Sorcerer, Barbarian, Druid และ Necromancer ซึ่งจริงๆ แล้วยังมีอาชีพที่ 6 ที่ยังไม่ได้รับการเปิดเผยออกมาในตอนนี้ที่ชื่อว่า “Peace Warder” และจริงๆ แล้วต้องบอกว่าอาชีพ หรือ Class ที่ 6 นี้ยังคงเป็นความลับอยู่และยังมีข้อมูลหลุดออกมาน้อยมาก แต่ก็มีข้อมูลจากต่างประเทศที่ผู้เล่นพยายามตั้งข้อสังเกตุและค้นหาข้อมูลดังกล่าวอยู่และเริ่มจะมีให้เห็นกันบ้างแล้วในช่อง Youtube

และไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัยสำหรับเกมสุดคลาสสิกในซีรีส์ของ Diablo ก็คงหนีไม่พ้นกับอาชีพหลักๆ ทั้ง 5 ที่ได้รับการเปิดเผยออกมาแล้ว ถึงแม้ว่าแต่ละอาชีพจะมีชื่อเรียกอาชีพหรือ Class ที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละภาคก็ตามทีแต่ทั้งหมดก็ยังคงมีความเกี่ยวเนื่องกันเรื่อยมา

ข้อมูลของแต่ละอาชีพใน Diablo 4 เป็นอย่างไร?

Diablo 4 Rogue Trailer

Rogue Class หรือ อาชีพ Rogue

อาชีพ Rogue เป็นอาชีพที่โดดเด่นในเรื่องของความเร็วและการโจมตีที่ครบเครื่องแถมยังโจมตีได้รุนแรงมากด้วย ซึ่งจะที่มีทั้งการโจมตีระยะใกล้ด้วยการใช้มีดสั้นหรือดาบ และการโจมตีระยะไกลด้วยการใช้ธนูหรือหน้าไม้

ค่าสเตตัสหลัก หรือ Core Stats ของอาชีพ Rogue

อาชีพ Rogue จะมีค่าสเตตัสหลักเป็น Dexterity โดยทุกๆ 1 ค่า Stat Point ของ Dexterity จะช่วยเพิ่มความสามารถดังนี้

  • เพิ่มโอกาสในการหลบหลีก +0.025%
  • เพิ่มความแรงของพลังโจมตี x0.1%

สกิลของอาชีพ Rogue

ในทุกอาชีพจะมีสิ่งที่เรียกว่า Skill Tree เหมือนๆ กันอยู่แล้วตั้งแต่เริ่มต้นเกมแต่จะแตกต่างกันออกไปในแต่ละอาชีพ และสำหรับอาชีพ Rogue จะแบ่ง Skill Tree ออกเป็น 7 โหนด คือ Basic Skill, Core Skill, Agility Skill, Subterfuge, Imbuement, Ultimate Skill และ Key Passives

  • Basic Skill คือ สกิลขั้นพื้นฐานที่เราไม่ต้องใช้ “ค่าพลัง” หรือที่เรียกกันว่า “Resource” ในการร่ายหรือค่าพลังอะไรในการใช้งานเลย และเมื่อเราใช้งานสกิลที่อยู่ในโหนดนี้ จะช่วยให้เราสามารถทำการ Generate Resource หรือ ช่วยให้เราสามารถฟื้นฟูค่า Resource ของเราให้เพิ่มขึ้นทุกครั้งที่ทำการโจมตีใส่ศัตรูได้
  • Core Skill คือ สกิลที่อยู่ในโหนดถัดมาจาก Basic Skill หลังจากที่เราเพิ่มค่า Skill Point ไปจนถึงระดับที่ต้องการแล้ว เราจะสามารถใช้งาน Core Skill ได้และสกิลที่อยู่ในโหนดนี้ จะเริ่มใช้ค่าของ Resource ทุกครั้งที่เราทำการโจมตีศัตรู แต่จะมีข้อดีคือสกิลในโหนดนี้จะไม่มี Cooldown และจะสามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องจนกว่าค่าพลัง Resource ของเราจะหมดไป
  • Agility Skill คือ สกิลที่เราไม่ต้องใช้ค่า Resource ในการร่ายแต่จะมี Cooldown สำหรับการใช้งานแต่ละครั้ง เพื่อไม่ให้เราใช้งานสกิลได้ติดต่อกันบ่อยเกินไปและทำให้เราต้องเลือกจังหวะในการใช้งานดีๆ สกิลในโหนดนี้จะมีข้อดี คือ เราสามารถใช้งานเพื่อหลบหนีศัตรู หรือไม่ก็ใช้งานเพื่อเข้าหาศัตรูและโจมตีศัตรูด้วยความรวดเร็วและรุนแรง
  • Subterfuge คือ สกิลที่เราไม่ต้องใช้ค่า Resource ในการร่ายแต่จะมี Cooldown เหมือนกับสกิลในโหนด Agility Skill โดยที่สกิลในโหนดนี้ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นสกิลที่เราจะใช้ Debuff ศัตรู เพื่อให้ศัตรูมีความสามารถลดลงเล็กน้อยและบางครั้งอาจจะช่วยให้เรารอดตายจากสถานการณ์ที่เลวร้ายก็ได้
  • Imbuement คือ สกิลในโหนดที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการโจมตีเรา โดยจะทำการ Buff อาวุธหรือเปลี่ยนการโจมตีของเราออกเป็นธาตุต่างๆ ซึ่งจะมีทั้งหมด 3 ธาตุ คือ ธาตุมืด, ธาตุพิษ และธาตุน้ำแข็ง
  • Ultimate Skill คือ สกิลในโหนดนี้เทียบได้กับท่าไม้ตายของตัวละครนั้นเลยก็ว่าได้ โดย Ultimate Skill สำหรับอาชีพ Rogue จะเป็นสกิลที่สร้างความเสียหายได้มากและเป็นวงกว้างด้วยสกิล Rain of Arrows จะเป็นการยิงฝนธนูลงมาจำนวนมาและสร้างความเสียหายบนพื้นที่ที่กำหนด หรือจะเป็นสกิล Death Trap ที่สร้างกับดักลงบนพื้นและสร้างความเสียหายได้อย่างรวดเร็ว แต่สกิลในโหนดนี้ก็จะแลกมาด้วย Cooldown ของสกิลที่นานมากเช่นกัน
  • Key Passives คือ โหนดสุดท้ายของทุกอาชีพ ซึ่งจะมีสกิลที่เป็นเหมือนตัวช่วยที่มีประโยชน์มากในช่วงท้ายอย่างชัดเจน และอย่างที่ชื่อของโหนดนี้บอกเอาไว้ไม่มีผิดว่ามันเป็น Key หรือกุญแจสำคัญที่จะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละอาชีพ โดยจะเป็นการเพิ่มโบนัสต่างๆ แบบติดตัวใหักับสายของสกิลที่เราเลือกไว้ให้มีความสามารถเพิ่มขึ้นไปอีกระดับ

เราได้อธิบายข้อมูลสกิลของอาชีพ Rogue ไว้แล้วในบทความ

Diablo 4 ข้อมูล สกิล ของอาชีพ Rogue ใน Skill Tree ทั้งหมด

สกิลพิเศษ Specialization

Diablo 4 ยังได้เพิ่มระบบที่เป็นเอกลักษณ์แบบใหม่เข้ามาให้กับแต่ละอาชีพ โดยอาชีพ Rogue จะมีสกิลพิเศษที่เรียกว่า “Specialization” และจะแบ่งสกิลพิเศษนี้ออกเป็น 3 แบบและจะปลดล็อกได้ที่เลเวล 15 โดยในอาชีพ Rogue จะมีสกิลพิเศษที่เรียกว่า Combo Points, Inner Sight และ Preparation แต่จะสามารถเลือกใช้งานได้ 1 อย่างจาก 3 อย่างที่มี

  • Combo Points คือ ความสามารถพิเศษของอาชีพ Rogue ที่จะช่วยให้การใช้งาน Core Skill และ Basic Skill นั้นทรงพลังและมีความพิเศษมากขึ้นกว่าเดิม โดยจะทำการสะสม Combo Point ได้สูงสุด 3 แต้มและทำการปลดปล่อยพลังออกมา ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในแต่ละ Combo Point
  • Inner Sight คือ อีกหนึ่งความสามารถพิเศษของอาชีพ Rogue ที่น่าสนใจและมีประโยชน์เป็นอย่างมาก โดยจะปลดล็อกความสามารถนี้ที่เลเวล 20 ซึ่งความสามารถนี้จะสร้างเกจออกมาให้เราเห็นอยู่ข้างๆ ค่าพลัง Resource เป็นรูปดวงตา โดยความสามารถนี้จะสุ่มทำเครื่องหมายให้กับศัตรูที่อยู่บริเวณใกล้ๆ เรา และเมื่อเราทำการโจมตีใส่ศัตรูที่ถูกทำเครื่องหมายไว้ จะทำให้เกจ Inner Sight ค่อยๆ เพิ่มขึ้น และเมื่อเกจของ Inner Sight เต็ม จะเปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นสีม่วงและเราจะสามารถใช้งาน Resource ได้ไม่จัดเป็นระยะเวลา 4 วินาที
  • Preparation ยังไม่ได้รับการเปิดเผยในช่วง Beta และจะปลดล็อกที่เลเวล 30 (หากมีข้อมูลเพิ่มเติมเราจะนำมาอัปเดตอีกที)
Diablo 4 Sorcerer Short Trailer

Sorcerer Class หรือ อาชีพ Sorcerer

อาชีพ Sorcerer เป็นอาชีพที่ได้รับความนิยมสูงอันดับต้นๆ ของเกมอีกอาชีพหนึ่ง โดดเด่นด้วยพลังโจมตีที่รุนแรงและความหลากหลายของสกิลที่มีมากกว่าอาชีพอื่น ด้วยพลังแห่งธาตุทั้ง 3 แบบคือ ธาตุไฟ ธาตุน้ำแข็ง และธาตุสายฟ้า แต่การมีพลังโจมตีที่รุนแรงก็ต้องแลกมากับพลังป้องกันและเลือดที่น้อยลง เรียกได้ว่าแทบจะกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วสำหรับอาชีพผู้ใช้เวทมนต์ ในทุกๆ เกมเลยก็ว่าได้

ค่าสเตตัสหลัก หรือ Core Stats ของอาชีพ Sorcerer

อาชีพ Sorcerer จะมีค่าสเตตัสหลักเป็น Intelligence โดยทุกๆ 1 ค่า Stat Point ของ Intelligence จะช่วยเพิ่มความสามารถดังนี้

  • เพิ่มความต้านทานธาตุทุกชนิด +0.05%
  • เพิ่มความแรงของพลังโจมตี x0.1%

สกิลของอาชีพ Sorcerer

สำหรับอาชีพ Sorcerer จะแบ่ง Skill Tree ออกเป็น 7 โหนด คือ Basic Skill, Core Skill, Defensive Skill, Conjuration Skill, Mastery Skill, Ultimate Skill และ Key Passives

  • Basic Skill คือ สกิลขั้นพื้นฐานที่เราไม่ต้องใช้ “ค่าพลัง” หรือที่เรียกกันว่า “Resource” ในการร่ายหรือค่าพลังอะไรในการใช้งานเลย และเมื่อเราใช้งานสกิลที่อยู่ในโหนดนี้ จะช่วยให้เราสามารถทำการ Generate Resource หรือ ช่วยให้เราสามารถฟื้นฟูค่า Resource ของเราให้เพิ่มขึ้นทุกครั้งที่ทำการโจมตีใส่ศัตรูได้
  • Core Skill คือ สกิลที่อยู่ในโหนดถัดมาจาก Basic Skill หลังจากที่เราเพิ่มค่า Skill Point ไปจนถึงระดับที่ต้องการแล้ว เราจะสามารถใช้งาน Core Skill ได้และสกิลที่อยู่ในโหนดนี้ จะเริ่มใช้ค่าของ Resource ทุกครั้งที่เราทำการโจมตีศัตรู แต่จะมีข้อดีคือสกิลในโหนดนี้จะไม่มี Cooldown และจะสามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องจนกว่าค่าพลัง Resource ของเราจะหมดไป

    สกิลส่วนใหญ่ของ Sorcerer มักจะใช้ Resource ที่สูงในการร่ายเวทมนต์ในแต่ละครั้ง เพื่อสร้างข้อจำกัดบางอย่างให้กับอาชีพนี้ โดยไม่ให้โจมตีได้ต่ออย่างเนื่องมากเกินไป ซึ่งทำให้การใช้งานเวทมนต์มีความสำคัญมากและต้องเลือกใช้งานให้ถูกจังหวะ
  • Defensive Skill คือ สกิลที่เรียกได้ว่าเป็นส่วนผสมระหว่างการป้องกัน หรือ Defend และการจู่โจมหรือ Offensive ที่ช่วยสร้างเกราะป้องกันให้กับเราพร้อมกับการสร้างความเสียหายไปพร้อมๆ กันและจะสร้างความเสียหายที่เกิดขึ้นตามความสามารถของแต่ละธาตุ และการใช้งานสกิล Defensive นี้จะมี Cooldown อยู่พอสมควรในการร่ายแต่ละครั้ง
  • Conjuration Skill คือ สกิลที่เราสามารถเสกลูกสมุนในแต่ละธาตุออกมาช่วยเราต่อสู้กับศัตรู หรือจะเรียกว่าออกมาช่วยสร้างความเสียหายในแบบที่คงสภาพได้อย่างต่อเนื่องในช่วงระยะเวลาจำกัด และจะมาพร้อมกับการโจมตีธาตุแบบติดตัว เช่น
    • ธาตุไฟ จะเป็นการเสก Hydra 3 หัว ออกมาช่วยเราโจมตี
    • ธาตุน้ำแข็ง จะเป็นการเสกดาบน้ำแข็ง ออกมาช่วยเราโจมตี
    • ธาตุสายฟ้า จะเสกหอกสายฟ้า ออกมาช่วยเราโจมตีและจะพุ่งเข้าหาศัตรูที่อยู่ใกล้ๆ โดยอัตโนมัติ
  • Mastery Skill คือ สกิลที่มีพลังในการโจมตีที่เหนือขึ้นมาอีกระดับจาก Core Skill โดยจะมีทั้งความรุนแรงที่มากขึ้นกว่าเดิมและพื้นที่ในการสร้างความเสียหายก็เพิ่มขึ้นมากด้วยเช่นกัน และก็ต้องใช้ค่า Resource ในการร่ายที่สูงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ข้อดีของ Mastery Skill ก็คือเราจะได้ความรุนแรงของสกิลที่สูงขึ้นมาอย่างผิดหูผิดตาเลยละ
  • Ultimate Skill คือ สกิลในโหนดนี้เทียบได้กับท่าไม้ตายของตัวละครนั้นเลยก็ว่าได้ โดย Ultimate Skill สำหรับอาชีพ Sorcerer จะเป็นสกิลที่สร้างความเสียหายโดยใช้พลังของธาตุทั้ง 3 ธาตุ ที่รุนแรงแยกกันออกไป เช่น ธาตุน้ำแข็งจะมีสกิลที่ชื่อว่า Deep Freeze ซึ่งจะเป็นการสร้างเกราะน้ำแข็งให้กับตัวเองและทำการแช่แข็งศัตรูที่อยู่รอบๆตัวเองและระเบิดมันออกมาเมื่อถึงเวลาที่กำหนด แต่สกิลนี้ก็จะแลกมาด้วย Cooldown ของสกิลที่นานมากเช่นกัน
  • Key Passives คือ โหนดสุดท้ายของทุกอาชีพ ซึ่งจะมีสกิลที่เป็นเหมือนตัวช่วยที่มีประโยชน์มากในช่วงท้ายอย่างชัดเจน และอย่างที่ชื่อของโหนดนี้บอกเอาไว้ไม่มีผิดว่ามันเป็น Key หรือกุญแจสำคัญที่จะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละอาชีพ โดยจะเป็นการเพิ่มโบนัสต่างๆ แบบติดตัว ใหักับสายของสกิลที่เราเลือกไว้ให้มีความสามารถเพิ่มขึ้นไปอีกระดับ

เราได้อธิบายข้อมูลสกิลของอาชีพ Sorcerer ไว้แล้วในบทความ

Diablo 4 ข้อมูล สกิล ของอาชีพ Sorcerer ใน Skill Tree ทั้งหมด

สกิลพิเศษ Enchantment System

ความสามารถพิเศษของอาชีพ Sorcerer จะเรียกว่า “Enchantment System” คือ เราจะสามารถทำการเพิ่มความสามารถพิเศษที่แรงขึ้นให้กับสกิลได้เพิ่มขึ้นอีก 2 Slot โดย Slot ที่ 1 จะปลดล็อกการใช้งานได้ที่เลเวล 15 และ Slot ที่ 2 จะปลดล็อกการใช้งานได้ที่เลเวล 30 ซึ่งเราจะเพิ่มความสามารถของสกิลจากเดิมให้มีความพิเศษยิ่งขึ้นไปอีกขั้นตามคำอธิบายของแต่ละสกิลที่ได้เขียนเพิ่มไว้

Diablo 4 Barbarian Trailer

Barbarian Class หรือ อาชีพ Barbarian

อาชีพ Barbarian เป็นอาชีพที่บุกป่าฝ่าดงและใส่เดี่ยวได้หมดกับศัตรูทุกตัวและลุยเดี่ยวไปได้ทุกที่ในซีรีส์ของเกม Diablo มาทุกยุคทุกสมัยเลยก็ว่าได้ และความพิเศษของอาชีพ Barbarian ใน Diablo 4 นี้ก็ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงมาจนถึงจุดที่เรียกได้ว่าเข้าถึง “แก่นแท้ของความเป็น Barbarian ที่ทรงพลังในเรื่องการต่อสู้ระยะใกล้อย่างเต็มรูปแบบ” และไม่ต่างอะไรกับคลังอาวุธที่เคลื่อนที่ได้เลย

จุดเด่นของอาชีพ Barbarian คงหนีไม่พ้นเรื่องของการใช้งานอาวุธได้ทุกรูปแบบและเมื่อถึงปลายเกมเชื่อได้เลยว่า เมื่อเราหยิบจับอาวุธอะไรก็ตาม มันจะโจมตีได้อย่างรุนแรงไปซะหมด ประกอบกับหากเกม Dialo 4 มีการเพิ่มไอเท็มใหม่ๆ เข้ามาในเกมในภายหลังเชื่อได้เลยว่ามันจะแรงขึ้นไปเรื่อยๆ จากไอเท็มชุดเดิมที่มีอยู่ก่อนเสมอ เพราะฉะนั้นการเล่นอาชีพนี้อาจจะดูกระจอกในช่วงต้นเกม แต่จะไปเทพในช่วงท้ายเกมอย่างแน่นอน

ค่าสเตตัสหลัก หรือ Core Stats ของอาชีพ Barbarian

อาชีพ Barbarian จะมีค่าสเตตัสหลักเป็น Strength โดยทุกๆ 1 ค่า Stat Point ของ Strength จะช่วยเพิ่มความสามารถดังนี้

  • เพิ่มค่าพลังป้องกัน 1 หน่วย
  • เพิ่มความแรงของพลังโจมตี x0.1%

สกิลของอาชีพ Barbarian

สำหรับอาชีพ Barbarian จะแบ่ง Skill Tree ออกเป็น 7 โหนด คือ Basic Skill, Core Skill, Defensive Skill, Brawling Skill, Weapon Mastery Skill, Ultimate Skill และ Key Passives

  • Basic Skill คือ สกิลขั้นพื้นฐานที่เราไม่ต้องใช้ “ค่าพลัง” หรือที่เรียกกันว่า “Resource” ในการร่ายหรือค่าพลังอะไรในการใช้งานเลย และเมื่อเราใช้งานสกิลที่อยู่ในโหนดนี้ จะช่วยให้เราสามารถทำการ Generate Resource หรือ ช่วยให้เราสามารถฟื้นฟูค่า Resource ของเราให้เพิ่มขึ้นทุกครั้งที่ทำการโจมตีใส่ศัตรูได้
  • Core Skill คือ สกิลที่อยู่ในโหนดถัดมาจาก Basic Skill หลังจากที่เราเพิ่มค่า Skill Point ไปจนถึงระดับที่ต้องการแล้ว เราจะสามารถใช้งาน Core Skill ได้และสกิลที่อยู่ในโหนดนี้ จะเริ่มใช้ค่าของ Resource ทุกครั้งที่เราทำการโจมตีศัตรู แต่จะมีข้อดีคือสกิลในโหนดนี้จะไม่มี Cooldown และจะสามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องจนกว่าค่าพลัง Resource ของเราจะหมดไป
  • Defensive Skill คือ สกิลที่เรียกได้ว่าเป็นส่วนผสมระหว่างการป้องกัน หรือ Defend และการจู่โจมหรือ Offensive สำหรับอาชีพ Barbarian จะมีชื่อเรียกโหนดนี้เหมือนกับอาชีพ Sorcerer แต่จะต่างออกไปนิดหน่อยตรงที่สกิลส่วนใหญ่ในโหนดนี้จะเป็นการเพิ่มพลังป้องกันให้กับตัวเอง รวมถึงมีสกิลที่ลดความเสียหายจากศัตรูได้ค่อนข้างเยอะอยู่พอสมควร ก่อนที่เราจะเข้าไปในดงศัตรูและรีบจัดการพวกมันทั้งหมดให้เร็วที่สุด
  • Brawling Skill คือ สกิลในโหนดนี้จะช่วยให้อาชีพ Barbarian สามารถเพิ่มพลังโจมตีได้ชั่วคราว รวมถึงการสร้างความเสียหายให้กับศัตรูได้ในระยะเวลาสั้นๆ ด้วยการพุ่งเข้าใส่ศัตรูได้อย่างรวดเร็วไม่ว่าจะเป็นการกระโดดเข้าไปกลางดง หรือการกระแทกศัตรูด้วยการถีบศัตรูให้กระเด็นออกไป
  • Weapon Mastery Skill คือ สกิลในโหนดนี้จะมีพลังโจมตีที่ค่อนข้างรุนแรงสำหรับอาชีพ Barbarian และมี Cooldown ที่ไม่นานมาก แต่ก็มีเงื่อนไขที่ต้องแลกมาเล็กน้อยเพื่อทำให้เกิดการโจมตีที่รุนแรงขึ้น สกิลในโหนดนี้จะมีข้อดี คือ เหมาะกับการกวาดล้างศัตรูที่มีเลือดไม่มากนักและใช้เวลาในการฆ่าไม่นานนัก
  • Ultimate Skill คือ สกิลในโหนดนี้เทียบได้กับท่าไม้ตายของตัวละครนั้นเลยก็ว่าได้ โดย Ultimate Skill สำหรับอาชีพ Barbarian จะเป็นการทำให้ตัวเองทรงพลังถึงขีดสุดด้วยการใช้งานสกิล Wrath of the Berserker เพื่อทำให้ตัวเองเป็นอมตะชั่วคราว หรือจะเป็นสกิล Call of the Ancients ที่ทำการเรียกวิญญาณบรรพบุรุษออกมาช่วยต่อสู้ในระยะเวลาสั้นๆ
  • Key Passives คือ โหนดสุดท้ายของทุกอาชีพ ซึ่งจะมีสกิลที่เป็นเหมือนตัวช่วยที่มีประโยชน์มากในช่วงท้ายอย่างชัดเจน และอย่างที่ชื่อของโหนดนี้บอกเอาไว้ไม่มีผิดว่ามันเป็น Key หรือกุญแจสำคัญที่จะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละอาชีพ โดยจะเป็นการเพิ่มโบนัสต่างๆ แบบติดตัว ใหักับสายของสกิลที่เราเลือกไว้ให้มีความสามารถเพิ่มขึ้นไปอีกระดับ

เราได้อธิบายข้อมูลสกิลของอาชีพ Barbarian ไว้แล้วในบทความ

Diablo 4 ข้อมูล สกิล ของอาชีพ Barbarian ใน Skill Tree ทั้งหมด

สกิลพิเศษ Arsenal System

ความสามารถพิเศษของอาชีพ Barbarian จะเรียกว่า “Arsenal System” หรือจะเรียกง่ายๆ ว่า “คลังอาวุธ” เนื่องจาก Barbarian จะสามารถใส่อาวุธเพิ่มได้อีก 2 Slots ซึ่งจะทำให้อาชีพนี้สามารถใช้งานอาวุธได้ทั้งหมด 4 Slot และสามารถสลับการใช้งานไปมากับอาวุธหลักได้ตลอดเวลา

Arsenal System จะได้รับการปลดล็อกโดยอัตโนมัติเมื่อเรามีเลเวล 5 ซึ่งความสามารถนี้จะถูกแบ่งออกตามประเภทของอาวุธที่ใช้งานและแบ่งออกเป็นระดับย่อยอีก 10 ระดับในแต่ละประเภทอาวุธ เช่น อาวุธมือเดียวประเภทกระบองในระดับที่ 1 จะเพิ่มโอกาสในการโจมตีติด Critical อีก 5.0% ในขณะที่ระดับ 10 จะเพิ่มความสามารถให้อาวุธให้มี สถานะการเกิด Lucky Hit และเมื่อโจมตีติด Critical จะมีโอกาสอีก 55% เพื่อทำให้ความเร็วในการโจมตีของเราเพิ่มขึ้นอีก 0.6% เป็นเวลา 2 วินาที หรืออื่นๆ อีกหลายแบบ ตามแต่ละประเภทอาวุธ โดยเราสามารถเพิ่มระดับของสกิลพิเศษนี้ได้ด้วยการใช้งานอาวุธประเภทนั้นบ่อยๆ

Diablo 4, Druid

Druid Class หรือ อาชีพ Druid

อาชีพ Druid เป็นอาชีพที่ได้รับการปัดฝุ่นใหม่อีกครั้งในซีรีส์ของเกม Diablo โดย Druid ปรากฏตัวครั้งแรกใน Diablo 2 และปรากฏตัวอีกครั้งในเกม Diablo 4 นี้ ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาที่นานมากๆ และกลับมาพร้อมกับความสามารถที่ใกล้เคียงกับคำว่า “พลังธรรมชาติ” มากที่สุด ด้วยความสามารถในการแปลงร่างเป็นได้ทั้ง หมี หมาป่า และการใช้พลังแห่งธรรมชาติ ด้วยการร่ายเวทมนต์แห่งดิน สายฟ้า ลมพายุ เข้าต่อสู้กับศัตรู

จุดเด่นของอาชีพ Druid จะเหมาะกับผู้เล่นที่ต้องการความสมดุลระหว่างการเล่นเวทมนต์ที่คล้ายกับอาชีพ Sorcerer โดยจะเน้นไปทางเวทมนต์สายดินและพายุ และก็ยังต้องการให้มีเลือดเยอะหน่อย และก็ต้องการให้สามารถโจมตีระยะประชิดได้ดีเหมือนกับอาชีพ Barbarian ด้วยการแปลงร่างเป็นหมี หรือจะรวดเร็วคล้ายกับอาชีพ Rogue ที่สามารถแปลงร่างเป็นหมาป่าได้ หรือจะเรียกลูกน้องได้ออกมาช่วยสู้ได้ด้วยคล้ายกับอาชีพ Necromancer เรียกได้ว่าเล่นอาชีพเดียวเหมือนเล่นทุกอาชีพในคราวเดียว

ค่าสเตตัสหลัก หรือ Core Stats ของอาชีพ Druid

อาชีพ Druid จะมีค่าสเตตัสหลักเป็น Willpower โดยทุกๆ 1 ค่า Stat Point ของ Willpower จะช่วยเพิ่มความสามารถดังนี้

  • เพิ่มค่าการฟื้นฟูเลือด +0.1%
  • เพิ่มความแรงของพลังโจมตี x0.25%

สกิลของอาชีพ Druid

สำหรับอาชีพ Druid จะแบ่ง Skill Tree ออกเป็น 7 โหนด คือ Basic Skill, Core Skill, Defensive Skill, Companion Skill, Wrath Skill, Ultimate Skill และ Key Passives

  • Basic Skill คือ สกิลขั้นพื้นฐานที่เราไม่ต้องใช้ “ค่าพลัง” หรือที่เรียกกันว่า “Resource” ในการร่ายหรือค่าพลังอะไรในการใช้งานเลย และเมื่อเราใช้งานสกิลที่อยู่ในโหนดนี้ จะช่วยให้เราสามารถทำการ Generate Resource หรือ ช่วยให้เราสามารถฟื้นฟูค่า Resource ของเราให้เพิ่มขึ้นทุกครั้งที่ทำการโจมตีใส่ศัตรูได้
  • Core Skill คือ สกิลที่อยู่ในโหนดถัดมาจาก Basic Skill หลังจากที่เราเพิ่มค่า Skill Point ไปจนถึงระดับที่ต้องการแล้ว เราจะสามารถใช้งาน Core Skill ได้และสกิลที่อยู่ในโหนดนี้ จะเริ่มใช้ค่าของ Resource ทุกครั้งที่เราทำการโจมตีศัตรู แต่จะมีข้อดีคือสกิลในโหนดนี้จะไม่มี Cooldown และจะสามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องจนกว่าค่าพลัง Resource ของเราจะหมดไป
  • Defensive Skill คือ สกิลที่เรียกได้ว่าเป็นส่วนผสมระหว่างการป้องกัน หรือ Defend และการจู่โจมหรือ Offensive สำหรับอาชีพ Druid จะมีชื่อเรียกโหนดนี้เหมือนกับอาชีพอื่น และโดยส่วนใหญ่ของสกิลในโหนดนี้จะเน้นไปที่การป้องกันตัวเองด้วยการดูดซับความเสียหายจากศัตรูและการเพิ่มเลือดของตัวเองแบบเร่งด่วนด้วยการแปลงร่างเป็นหมาป่า
  • Companion Skill คือ สกิลในโหนดที่ Druid สามารถเรียกลูกน้องออกมาช่วยต่อสู้ด้วยการเรียก หมาป่า, นก Raven หรืออาจะจะเป็น เถาวัลย์ ออกมาโจมตีใส่ศัตรู
  • Wrath Skill คือ สกิลในโหนดที่เริ่มมีพลังการโจมตีทีรุนแรงขึ้นขึ้นกว่าโหนดที่ผ่านมาแต่ก็แลกมาด้วย Cooldown ที่นานขึ้นเช่นกัน (แต่ยังถือว่าไม่ค่อยแรงมาก เพราะฆ่าศัตรูไม่ค่อยตายเท่าไหร่) ด้วยการร่ายเวทมนต์พายุหรือสกิล Hurricane ออกมาโจมตีศัตรูที่อยู่รอบตัว หรือ อาจจะเป็นการใช้งานสกิล Trample ที่จะทำการแปลงร่างเป็นหมีและเหยียบย้ำพุ่งเข้าโจมตีใส่ศัตรูที่อยู่ตรงหน้าด้วยรัศมีการโจมตีที่กว้างขึ้น
  • Ultimate Skill คือ สกิลในโหนดนี้เทียบได้กับท่าไม้ตายของตัวละครนั้นเลยก็ว่าได้ โดย Ultimate Skill สำหรับอาชีพ Druid จะเป็นสกิลที่สร้างความเสียหายได้ไม่มากนัก เช่นการใช้ความสามารถของสกิล Grizzly Rage ที่จะทำให้เราสามารถแปลงร่างเป็นหมีเพื่อโจมตีสัตรู หรือการใช้งานสกิล Lacerate ที่จะทำให้เราแปลงร่างเป็นหมาป่าและโจมตีศัตรูอย่างรวดเร็วจำนวน 10 ครั้ง หรือจะเป็นการใช้งานสกิล Cataclysm ที่ทำการเรียกพลังพายุพร้อมกับสายฟ้าออกมาโจมตีศัตรูได้เป็นวงกว้าง
  • Key Passives คือ โหนดสุดท้ายของทุกอาชีพ ซึ่งจะมีสกิลที่เป็นเหมือนตัวช่วยที่มีประโยชน์มากในช่วงท้ายอย่างชัดเจน และอย่างที่ชื่อของโหนดนี้บอกเอาไว้ไม่มีผิดว่ามันเป็น Key หรือกุญแจสำคัญที่จะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละอาชีพ โดยจะเป็นการเพิ่มโบนัสต่างๆ แบบติดตัว ใหักับสายของสกิลที่เราเลือกไว้ให้มีความสามารถเพิ่มขึ้นไปอีกระดับ

เราได้อธิบายข้อมูลสกิลของอาชีพ Druid ไว้แล้วในบทความ

Diablo 4 ข้อมูล สกิล ของอาชีพ Druid ใน Skill Tree ทั้งหมด

สกิลพิเศษ Spirit Boons

ความสามารถพิเศษของอาชีพ Druid จะเรียกว่า “Spirit Boons” หรือจะเรียกง่ายๆ ว่า “พลังแห่งสรรพสัตว์” โดยที่สกิลพิเศษนี้จะได้รับการปลดล็อกที่เลเวล 15 และเมื่อปลดล็อกแล้วเราจะสามารถยืมพลังจากสัตว์ป่ามาใช้งานได้แบบติดตัวหรือ Passive ซึ่งจะมีให้เลือกได้จากสัตว์ทั้ง 4 แบบ คือ Deer, Eagle, Snake, Wolf โดยจะให้โบนัสของ Passive ที่มีความสามารถแตกต่างกันออกไป

Diablo 4 Necromancer

Necromancer Class หรือ อาชีพ Necromancer

อาชีพ Necromancer เป็นอาชีพยอดนิยมอีกอาชีพหนึ่งที่ได้รับความนิยมรองมาจาก อาชีพ Sorcerer และเป็นอาชีพที่ปรากฏตัวครั้งแรกตั้งแต่ Diablo 2 และลากยาวเรื่อยมาจนกระทั่งปรากฏตัวอีกครั้งใน Diablo 4 และยังคงคุณลักษณะเดิมไว้แถบจะไม่ผิดเพี้ยนไปจากเดิมมากนัก ลองคิดดูว่าถ้าเราเล่นอาชีพ Necromancer แต่ไม่สามารถเรียกลูกน้องได้คงจะเหงาน่าดู

อาชีพ Necromancer มีจุดเด่นและจุดด้อยในเรื่องเดียวกัน คือการที่เราสามารถเสกสมุนออกมาได้เป็นจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นโครงกระดูกนักรบ ไปจนถึงโครงกระดูกพลังเวทมนต์ ซึ่งทำให้อาชีพนี้ค่อนข้างเล่นง่ายตั้งแต่เริ่มเกมและค่อนข้างแข็งแกร่งไปจนถึงช่วงท้ายเกม

ข้อด้อยของอาชีพ Necromancer คือการที่เราก็พึ่งพาบรรดาลูกสมุนของเรามากเกินไปอาจทำให้บางครั้งเมื่อเจอกับศัตรูที่แข็งแกร่งและสังหารโครงกระดูกของตายลงอย่างรวดเร็ว อาจทำให้เราตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายได้อย่างทันทวงที

ค่าสเตตัสหลัก หรือ Core Stats ของอาชีพ Necromancer

อาชีพ Necromancer จะมีค่าสเตตัสหลักเป็น Intelligence โดยทุกๆ 1 ค่า Stat Point ของ Intelligence จะช่วยเพิ่มความสามารถดังนี้

  • เพิ่มความต้านทานธาตุทุกชนิด +0.05%
  • เพิ่มความแรงของพลังโจมตี x0.1%

สกิลของอาชีพ Necromancer

สำหรับอาชีพ Necromancer จะแบ่ง Skill Tree ออกเป็น 7 โหนด คือ Basic Skill, Core Skill, Corpse & Macabre Skill, Curse Skill, Corpse & Macabre Skill (2nd), Ultimate Skill และ Key Passives

  • Basic Skill คือ สกิลขั้นพื้นฐานที่เราไม่ต้องใช้ “ค่าพลัง” หรือที่เรียกกันว่า “Resource” ในการร่ายหรือค่าพลังอะไรในการใช้งานเลย และเมื่อเราใช้งานสกิลที่อยู่ในโหนดนี้ จะช่วยให้เราสามารถทำการ Generate Resource หรือ ช่วยให้เราสามารถฟื้นฟูค่า Resource ของเราให้เพิ่มขึ้นทุกครั้งที่ทำการโจมตีใส่ศัตรูได้
  • Core Skill คือ สกิลที่อยู่ในโหนดถัดมาจาก Basic Skill หลังจากที่เราเพิ่มค่า Skill Point ไปจนถึงระดับที่ต้องการแล้ว เราจะสามารถใช้งาน Core Skill ได้และสกิลที่อยู่ในโหนดนี้ จะเริ่มใช้ค่าของ Resource ทุกครั้งที่เราทำการโจมตีศัตรู แต่จะมีข้อดีคือสกิลในโหนดนี้จะไม่มี Cooldown และจะสามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องจนกว่าค่าพลัง Resource ของเราจะหมดไป
  • Corpse & Macabre Skill คือ สกิลในโหนดที่ Necromancer จะได้ใช้งานอยู่บ่อยๆ ถ้าเราเล่นสายระเบิดศพ อย่างการใช้งานสกิล Corpse Explosion หรือสกิลระเบิดศพที่มีความรุนแรงมากแถมยังสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างได้อย่างง่ายดาย และสกิล Blood Mist ที่จะทำให้ Necromancer เป็นอมตะชั่วคราวและยังช่วยฟื้นฟูเลือดได้เล็กน้อยในเวลาเดียวกัน
  • Curse Skill คือ สกิลในโหนดนี้จะเป็นสกิลในกลุ่มของคำสาปที่ Necromancer ไม่จำเป็นต้องร่ายแบบเลือกเป้าหมายและสามารถร่ายลงบนพื้นได้ทันที ซึ่งสกิลในกลุ่มของคำสาปจะมีรัศมีของสกิลค่อนข้างกว้างมากและให้ผลกับศัตรูทุกตัวที่อยู่ในวงของคำสาป แต่สกิลในโหนดนี้จำเป็นที่จะต้องใช้งานค่า Resource ทุกครั้งในการร่ายและจะทดแทนด้วยการที่สกิลไม่มี Cooldown ในการร่ายทำให้ Necromancer สามารถร่ายได้อย่างต่อเนื่อง
  • Corpse & Macabre Skill (2nd) คือ สกิลในโหนดนี้เป็นเหมือนการอัปเกรดความสามารถให้กับสกิลในโหนดที่มีชื่อเหมือนกันก่อนหน้านี้ ด้วยการปรับปรุงความสามารถของสกิล Corpse Explosion ที่สามารถระเบิดศพและดึงศัตรูเข้ามาไว้รวมกันในจุดที่เราระเบิดศพและยังมีสกิล Bone Spirit ที่ต้องเลือกจังหวะการใช้งานให้ดีเพราะสกิลนี้จะใช้ค่า Resource ทั้งหมดของเราที่เหลืออยู่ในการร่ายออกไป โดยที่ความแรงของสกิลจะขึ้นอยู่กับค่า Resource ที่เหลืออยู่ของเราในขณะนั้น
  • Ultimate Skill คือ สกิลในโหนดนี้เทียบได้กับท่าไม้ตายของตัวละครนั้นเลยก็ว่าได้ โดย Ultimate Skill สำหรับอาชีพ Necromancer จะเป็นสกิลที่สร้างความเสียหายได้ไม่มากนักและค่อนข้างมีประโยชน์ไม่มากเท่าไหร่ โดยจะมีสกิลที่ใช้การโจมตีด้วยเลือดเป็นเส้นตรงที่เรียกว่า Blood Wave และสกิล Army of the Dead ที่จะเรียกวิญญาณออกมาในพื้นที่ใกล้ๆ ตัวเราและวิญญาณเหล่านั้นจะวิ่งเข้าหาศัตรูพร้อมกับระเบิดตัวเองเมื่อชนเข้ากับศัตรูทำให้เกิดความเสียหายในวงแคบๆ และสกิล Bone Strom ที่จะสร้างพายุกระดูกออกมาหมุนวนรอบตัวเราพร้อมกับสร้างความเสียหายให้กับศัตรูที่อยู่รอบตัว

เราได้อธิบายข้อมูลสกิลของอาชีพ Necromancer ไว้แล้วในบทความ

Diablo 4 ข้อมูล สกิล ของอาชีพ Necromancer ใน Skill Tree ทั้งหมด

สกิลพิเศษ Book of the Dead

ความสามารถพิเศษของอาชีพ Necromancer จะเรียกว่า “Book of the Dead” หรือจะเรียกง่ายๆ ว่า “หนังสือแห่งความตาย” โดยสกิลพิเศษนี้จะได้รับการปลดล็อกที่เลเวล 5 และจะทำให้เราสามารถเรียกสมุนโครงกระดูกออกมาช่วยต่อสู้ได้ โดยจะมีทั้งโครงกระดูกนักรบที่เรียกว่า “Skeletal Warriors” และโครงกระดูกนักเวทย์ที่เรียกว่า “Skeletal Mages” และสุดท้ายสมุนที่แข็งแกร่งที่สุดตลอดกาลอย่าง “Golems” สมุนที่คอยปกป้องเราและสังหารศัตรูแทนเราและทำให้ Necromancer สบายตัวขึ้นไปอีกระดับ

Diablo 4 Class 6th Peace Warder

สุดท้ายกับอาชีพที่ 6 ที่มีชื่อว่า “Peace Warder” (ยังไม่ได้รับการเปิดเผยข้อมูลอย่างเป็นทางการ)

Class ในลำดับที่ 6 อาจมีชื่อ Clas หรือชื่ออาชีพว่า Peace Warder ซึ่งที่มีข้อมูลอยู่ในขณะนี้ยังเป็นเพียงการคาดเดาจากนักวิเคราะห์ทั้งหลาย และเมื่ออาชีพเปิดตัวออกมาแล้วจริงๆ อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงชื่ออาชีพ หรือชื่อ Class ใหม่อีกครั้งก็เป็นได้ โดยอาชีพนี้จะเป็นอาชีพนักรบศักดิ์สิทธิ์ อย่างที่เคยปรากฏกันมาก่อนหน้านี้ในซีรีส์ของเกม Diablo โดยใน Diablo 2 จะใช้ชื่ออาชีพว่า “Paladin” และในเกม Diablo 3 จะใช้ชื่ออาชีพว่า “Crusader”

อาชีพนักรบศักดิ์สิทธิ์นี้ตามที่กล่าวอ้างกันมาจะใช้อาวุธที่มีลักษณะเป็นหอกยาวและโล่ขนาดใหญ่ตามที่ได้เห็นในภาพ

Diablo 4 Class 6th Peace Warder

จากภาพด้านบนเราจะเห็นตราสัญญลักษณ์ที่เป็นตัวแทนของอาชีพทั้ง 5 อาชีพที่ปรากฏออกมาแล้ว และก็มีผู้ที่ช่างสังเกตเห็นตราสัญญลักษณ์ที่มันไม่เหมือนใครในอาชีพทั้ง 5 ที่เปิดเผยออกมาบนฝาของแก้วเบียร์ซึ่งเป็นสินค้าของเกม Diablo 4 เองโดยตรง และตราสัญญาลักษณ์ดังกล่าวก็เชื่อมโยงไปยังอาชีพใหม่ในลำดับที่ 6 ที่รอการเปิดเผยอยู่ในขณะนี้

Diablo 4 เปิดตัวและเข้าเล่นได้เมื่อไหร่?

Blizzard Entertainment ได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับเกม Diablo 4 จะเปิดให้เข้าเล่นในวันที่ 6 มิถุนายน 2023 พร้อมกันทั่วโลกและสำหรับผู้ที่สั่งซื้อล่วงหน้าหรือ Pre-Order ไว้ก่อนทั้งแบบ DIGITAL DELUXE EDITION และแบบ ULTIMATE EDITION

ทั้ง 2 แบบการสั่งซื้อล่วงหน้าจะได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มเติม โดยจะสามารถเข้าเล่นได้ก่อนเกมเปิดตัวล่วงหน้า 4 วัน ซึ่งจะเข้าเล่นได้ในวันที่ 2 มิถุนายน 2023 นับเป็นข้อดีกับผู้เล่นคือจะมีโอกาสได้สร้างตัวละครและมีโอกาสลองผิดลองถูกก่อนใคร และดีกับผู้พัฒนาเองโดยเซิร์ฟร์เวอร์จะได้ไม่ต้องรับภาระหนักพร้อมกันในวันเปิดตัวมากเท่าที่ควร

กำหนดวางจำหน่ายเกม:
วันที่ 6 มิถุนายน 2023

สำหรับแพลตฟอร์ม:
PlayStation 5, PlayStation 4, Xbox Series X|S, Xbox One, PC (ผ่าน Blizzard Store)

ซื้อผ่านร้านค้าใน Shopee ได้ที่ https://shope.ee/10f7YpXrXG

GameTonix Ads Banner 970x250