รูปปั้นปริศนาบนเวที The Game Awards ที่แฟน ๆ เดากันมานาน ในที่สุดก็ถูกเฉลยอย่างเป็นทางการ และคำตอบก็คือ Larian Studios กำลังพัฒนาเกม Divinity ภาคใหม่ อยู่จริง เทรลเลอร์เปิดตัวไม่ได้บอกอะไรชัดเจนเรื่องระบบหรือเกมเพลย์ แต่เลือกเล่าแบบมืดหม่นสุดขั้ว ผ่านภาพชายผู้เคราะห์ร้ายถูกเผาทั้งเป็น ก่อนบางสิ่งบางอย่างที่น่าหวาดผวาจะถูกปลดปล่อยออกมา เรียกได้ว่าแค่เทรลเลอร์แรกก็ประกาศโทนโหด ๆ ให้รู้กันไปเลยว่าโลกแฟนตาซีรอบนี้ไม่น่าจะใจดี
แม้ตัวเกมจะยังไม่เปิดเผยชื่อภาคย่อย ช่วงวางจำหน่าย หรือแพลตฟอร์มที่ลง แต่ Geoff Keighley พิธีกรของงานยืนยันบนเวทีว่า “นี่จะเป็นเกมที่ใหญ่ที่สุดของ Larian” และ “ใหญ่กว่า Baldur’s Gate 3 อีก” ซึ่งในเชิงสเกลถือเป็นคำประกาศที่โคตรจริงจัง เพราะ BG3 เองก็เป็น CRPG มหึมาที่กินเวลาเล่นเป็นร้อย ๆ ชั่วโมง และกวาดรางวัล Game of the Year แทบทุกเวทีในปี 2023 แถมยังมียอดขายทะลุ 15 ล้านชุดภายในปี 2024 แบบไม่ได้นับรวมความสำเร็จเชิงวัฒนธรรมที่มันสร้างไว้ในหมู่เกมเมอร์
Larian เองก็เดินสายร้อนแรงมาต่อเนื่องหลายปี ตั้งแต่ Divinity: Original Sin ที่รีเฟรชภาพลักษณ์ CRPG แบบคลาสสิกให้กลับมาเท่และเข้าถึงได้ในยุคใหม่ ตามด้วย Divinity: Original Sin 2 ในปี 2017 ที่ถูกยกให้เป็นหนึ่งใน RPG ชั้นยอดยุคใหม่ ก่อนจะไประเบิดทุกความคาดหวังกับ Baldur’s Gate 3 ที่ทั้งสายโต้ตอบเนื้อเรื่อง สายวางแผนต่อสู้ และสายโรลเพลย์ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “นี่คือมาตรฐานใหม่ของเกม RPG แบบเทิร์นเบส”
การประกาศ Divinity ภาคใหม่บนเวทีครั้งนี้จึงเหมือนเป็นการบอกกลาย ๆ ว่า หลังจากพาโลก D&D บน Baldur’s Gate ขึ้นสู่จุดสูงสุดแล้ว ถึงเวลาที่ Larian จะกลับมาปั้น จักรวาลแฟนตาซีของตัวเอง ให้กลายเป็นเวทีระดับเดียวกันหรือยิ่งกว่านั้น แม้ตอนนี้จะยังไม่มีแม้แต่เงาของวันเข้า Early Access หรือแพลตฟอร์มที่ลงอย่างชัดเจน และ Geoff ก็พูดตรง ๆ ว่า “รายละเอียดจะค่อย ๆ ตามมาในอนาคต” แต่แค่คำว่า “ใหญ่กว่า BG3” ก็เพียงพอจะทำให้แฟนสาย RPG ทั้งโลกต้องกดเพิ่มชื่อ Divinity ภาคใหม่เข้าไปในลิสต์เฝ้ารอดูอย่างไม่ต้องสงสัย
ในเมื่อ Larian พิสูจน์แล้วว่าทีมสามารถจัดการโปรเจกต์ระดับมหึมาอย่าง Baldur’s Gate 3 ได้แบบไร้คู่แข่ง การกลับสู่โลก Divinity รอบนี้เลยไม่ใช่แค่การทำภาคต่อธรรมดา แต่น่าจะเป็นเดิมพันครั้งใหญ่ที่สตูดิโอตั้งใจใช้ผลงานก่อนหน้าทุกชิ้นเป็นฐาน แล้วไปให้สุดบน IP ของตัวเองจริง ๆ คำถามใหญ่จากนี้จึงไม่ใช่แค่ว่า “Divinity ภาคใหม่จะหน้าตาแบบไหน” แต่คือ “Larian จะยกระดับความคาดหวังของทั้งแนว CRPG ไปได้ไกลกว่านี้อีกแค่ไหน” มากกว่า
