ดีลสะเทือนวงการบันเทิงครั้งใหญ่มาแล้ว เมื่อ Netflix ประกาศอย่างเป็นทางการว่าได้ทำข้อตกลงเข้าซื้อกิจการ Warner Bros. ด้วยมูลค่า enterprise value รวมราว 82.7 พันล้านดอลลาร์ โดยคิดมูลค่าหุ้นอยู่ที่ประมาณ 72 พันล้านดอลลาร์ ข้อตกลงนี้ครอบคลุมสตูดิโอภาพยนตร์และซีรีส์ทั้งหมด รวมถึง HBO Max และช่อง HBO เข้ามาอยู่ในจักรวาลของ Netflix ด้วย เพียงแต่ในแถลงการณ์ยังไม่พูดชัดเจนว่าธุรกิจเกมของ Warner อย่าง NetherRealm Studios, Rocksteady Games และสตูดิโอเกมอื่น ๆ จะถูกจัดการอย่างไรต่อไป ขณะเดียวกัน Discovery Global หรือฝ่าย Global Networks ของ Warner Bros. Discovery จะถูกแยกออกไปเป็นอีกบริษัทหนึ่ง โดยกระบวนการแยกคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในไตรมาส 3 ปี 2026
ฝั่ง Netflix มองดีลนี้เป็นการอัปเลเวลภารกิจ “เอ็นเตอร์เทนทั้งโลก” ให้ไปไกลกว่าเดิม Ted Sarandos co-CEO ของ Netflix กล่าวว่าภารกิจของบริษัทคือการสร้างความบันเทิงให้ผู้คนทั่วโลก และการควบรวมครั้งนี้จะช่วยให้ทำสิ่งนั้นได้ดียิ่งขึ้น เพราะเป็นการนำคลังคอนเทนต์ระดับตำนานของ Warner Bros. ตั้งแต่หนังคลาสสิกอย่าง Casablanca, Citizen Kane ไปจนถึงแฟรนไชส์ยักษ์อย่าง Harry Potter และซีรีส์ Friends มาผสมกับ “คอนเทนต์ยุคใหม่ที่นิยามวัฒนธรรมปัจจุบัน” ของ Netflix เองอย่าง Stranger Things, KPop Demon Hunters และ Squid Game เขาเชื่อว่าการจับมือกันครั้งนี้จะช่วยให้พวกเขาให้อะไรที่คนดูรักมากขึ้น และช่วยกำหนดทิศทางการเล่าเรื่องในศตวรรษต่อไป
Greg Peters co-CEO อีกคนของ Netflix เสริมว่าดีลนี้จะยกระดับสิ่งที่ Netflix มอบให้ผู้ชม และเร่งการเติบโตของธุรกิจไปอีกหลายสิบปี เขายกย่อง Warner Bros. ว่าเป็นหนึ่งในผู้สร้างองค์ประกอบสำคัญของวงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์มาตลอดกว่าศตวรรษ และเมื่อผสานเข้ากับฐานผู้ชมระดับโลกของ Netflix บวกกับโมเดลธุรกิจที่พิสูจน์ตัวเองมาแล้ว พวกเขาจะสามารถพา “โลก” ที่ Warner สร้างขึ้นไปให้ผู้ชมหน้าใหม่อีกจำนวนมหาศาลได้ รักษาแฟนเดิม ขยายฐานแฟนใหม่ และช่วยให้ทั้งอุตสาหกรรมบันเทิงแข็งแรงขึ้น ขณะเดียวกันก็สร้างมูลค่าเพิ่มให้ผู้ถือหุ้นไปพร้อมกัน
ด้าน Warner Bros. Discovery ที่ปัจจุบันนำโดย David Zaslav ประธานและซีอีโอ ก็วาดภาพดีลนี้ว่าเป็นการรวมตัวกันของ “สองบริษัทเล่าเรื่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก” เพื่อพาเนื้อหาที่ผู้คนรักให้เข้าถึงคนดูได้มากกว่าเดิม เขาย้ำว่าในช่วงกว่าร้อยปีที่ผ่านมา Warner Bros. คือผู้สร้างความตื่นเต้น ดึงดูดสายตาทั่วโลก และมีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมอย่างมหาศาล และการมาจับมือกับ Netflix จะทำให้เรื่องราวเหล่านี้เดินหน้าต่อไปอีกหลายเจเนอเรชันในระดับที่เข้าถึง “คนทั้งโลก” อย่างแท้จริง
แม้ดีลนี้จะเน้นไปที่หนังและซีรีส์เป็นหลัก แต่สำหรับสายเกม ดีเทลที่น่าจับตาคือ การที่แถลงการณ์ยังไม่ได้ระบุชะตากรรมของสตูดิโอเกมในเครือ Warner อย่าง NetherRealm ที่ทำ Mortal Kombat หรือ Rocksteady ที่ทำ Batman: Arkham ว่าจะถูกโอนย้ายไปในโครงสร้างใด หรือจะถูกแยกออกต่างหากในอนาคต หาก Netflix ตัดสินใจเดินเกมรุกฝั่งเกมแบบจริงจัง ดีลนี้อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเชื่อมโลกภาพยนตร์ ซีรีส์ และเกมเข้าด้วยกันในระดับที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนก็เป็นได้
ไม่ว่าจะเป็นคนดูหนัง คนดูซีรีส์ หรือคนเล่นเกม ดีลครั้งนี้คือการขยับครั้งใหญ่ที่อาจกำหนดสภาพภูมิทัศน์ของวงการบันเทิงในอีกหลายปีข้างหน้า และทำให้คำว่า “สตรีมมิ่งแพลตฟอร์ม” เปลี่ยนความหมายไปจากเดิมแบบถาวร


