สารบัญ
- 1 Jez Corden เผยในพอดแคสต์: ทีมกำลัง “เลเวอเรจองค์ประกอบของ Unreal Engine” มาเสริม Creation Engine
- 2 The Coalition ถูกโยงเข้ามาช่วย? มีชื่อ Kate Rayner โผล่ในข่าวลือ
- 3 อัปเกรดครั้งนี้อาจไม่ได้จบแค่ Starfield แต่เป็น “test bed” สำหรับ TES6 และ Fallout 5
- 4 แต่ยังไงก็ต้อง “เผื่อใจ”: เจ้าตัวย้ำเองให้รับข่าวนี้แบบเกลือหนึ่งกำมือ
ปี 2025 ของ Starfield ค่อนข้างเงียบ โดยเฉพาะหลังส่วนเสริม Shattered Space ที่กระแสตอบรับออกไปทาง “ผสม ๆ” จนหลายคนรู้สึกว่ามันยังไม่ใช่จุดเปลี่ยนที่เกมต้องการจริง ๆ แต่ดูเหมือนปีหน้าทิศทางอาจต่างออกไป เพราะเริ่มมีข่าววงในเกี่ยวกับอัปเดตแนว “2.0” ที่จะมาอัดแน่นการปรับปรุงหลายด้าน แม้จะถูกเตือนตั้งแต่ต้นว่าอย่าคาดหวังระดับ Cyberpunk 2077 หรือ No Man’s Sky
และที่น่าสนใจกว่าการปรับระบบเกมเพลย์ คือข่าวลือที่พุ่งไปถึง “แกนเทคโนโลยี” ของ Bethesda เองอย่าง Creation Engine ว่าอาจถูกยกระดับครั้งใหญ่แบบ “ทั่วกระดาน”
Jez Corden เผยในพอดแคสต์: ทีมกำลัง “เลเวอเรจองค์ประกอบของ Unreal Engine” มาเสริม Creation Engine
ต้นทางของข่าวลือนี้มาจากการพูดคุยในพอดแคสต์กับ Rand al Thor 19 โดย Jez Corden (Windows Central) ระบุว่าได้ยินมาว่าทีมงานกำลัง “หยิบองค์ประกอบบางส่วนของ Unreal Engine มาใช้และใส่กลับเข้าไปใน Creation Engine” ซึ่งช่วยให้เอนจินดีขึ้น “ในทุกด้าน” พร้อมการอัปเกรดเชิงเทคนิคหลายอย่าง
ประเด็นสำคัญคือ นี่ไม่ใช่ข่าวว่า Bethesda จะ “ย้ายเอนจิน” ไปใช้ Unreal แบบเต็มตัว แต่เป็นแนวคิดประมาณว่า “เสริมกล้ามเนื้อ” ให้ Creation Engine ด้วยแนวทาง/เทคโนโลยีบางส่วนที่ Unreal ทำได้เด่นกว่า
The Coalition ถูกโยงเข้ามาช่วย? มีชื่อ Kate Rayner โผล่ในข่าวลือ
อีกชั้นที่ทำให้ข่าวนี้ชวนตาโต คือมีการอ้างว่า The Coalition (ทีมสาย Unreal หนัก ๆ ของฝั่ง Xbox) โดยเฉพาะฝั่งผู้นำเทคนิคอย่าง Kate Rayner และทีม อาจเข้ามาช่วยผลักดันงานอัปเกรดนี้ด้วย
ถ้าจริง มันก็ฟังดูเป็นรูปทรงที่ “มีเหตุผล” เพราะ The Coalition ถือเป็นหนึ่งในทีมที่เชี่ยวชาญการทำงานกับ Unreal และ pipeline ระดับโปรดักชันใหญ่ การให้ทีมสายเอนจินมาช่วยแชร์เครื่องมือ/แนวทาง จึงเป็นสิ่งที่ Microsoft ทำได้อยู่แล้วในเชิงเครือข่ายสตูดิโอ
อัปเกรดครั้งนี้อาจไม่ได้จบแค่ Starfield แต่เป็น “test bed” สำหรับ TES6 และ Fallout 5
ข่าวลือยังบอกด้วยว่างานยกเครื่องเทคนิคนี้อาจถูกใช้เป็น “สนามทดลอง” เพื่อปูทางให้เกมอนาคตอย่าง The Elder Scrolls VI และ Fallout 5 ด้วย ซึ่งถ้าคิดในเชิงการลงทุน มันจะอธิบายได้ทันทีว่าทำไม Bethesda ถึงเลือก “อัปเกรดเอนจินเดิม” แทนการทิ้งแล้วเริ่มใหม่ทั้งหมด เพราะ Creation Engine ยังมีจุดแข็งสำคัญที่ Bethesda ใช้ถนัดมานาน โดยเฉพาะแนวระบบโลก/การดัดแปลง/การสร้างสิ่งปลูกสร้าง ฯลฯ
แต่ยังไงก็ต้อง “เผื่อใจ”: เจ้าตัวย้ำเองให้รับข่าวนี้แบบเกลือหนึ่งกำมือ
แม้ภาพจะน่าตื่นเต้น แต่ฝั่ง Corden เองก็เตือนให้รับฟังแบบ take it with a grain of salt เพราะทั้งหมดเป็นข่าวที่ได้ยินมา ไม่ใช่ประกาศทางการจาก Bethesda อย่างไรก็ตาม มันไปสอดคล้องกับรายงานอีกเส้นที่พูดถึงงานโชว์หลังฉาก/อัปเดตใหญ่ในปี 2026 ซึ่งอาจเน้นลดรอยต่อ เพิ่มความลื่นไหล และปรับปรุงเชิงเทคนิคของเอนจินเช่นกัน
สุดท้ายแล้ว คำถามที่แฟน ๆ น่าจะอยากรู้ที่สุดคือ ถ้า Creation Engine ถูก “อัปเกรดแบบ Unreal-กลิ่น ๆ” จริง ผลลัพธ์มันจะสะเทือนแค่ไหนในเกมที่เราเล่นจับต้องได้—ตั้งแต่ความลื่น การโหลด ความเสถียร ไปจนถึงภาพและระบบโลก และมันจะเป็น “หมัดฮุก” ที่ Starfield ต้องการเพื่อกลับมาสู้ในปี 2026 ได้หรือเปล่า
