สารบัญ
- 1 เนื้อเรื่องเกม God of War: Ragnarok
- 2 เกริ่นเนื้อเรื่องจากภาคก่อน
- 3 เข้าสู่เนื้อเรื่องหลัก
- 4 ข้อเสนอแห่งสันติ
- 5 ตามหา Týr เทพสงครามตามคำทำนาย
- 6 ตามหา Freya เพื่อปรับความเข้าใจ
- 7 คำทำนายใหม่เปิดเผย
- 8 Iron Wood ดินแดนแห่งยักษ์
- 9 มิตรภาพที่เรียกว่า “เพื่อน”
- 10 ปลดปล่อยคำสาป
- 11 อาณาจักร Asgard
- 12 ผู้มีตาทิพย์
- 13 มิติและหน้ากากแห่งความหยั่งรู้
- 14 Norns ผู้หยั่งรู้
- 15 อาวุธสังหารเทพ
- 16 เสนอสันติอีกครั้ง
- 17 รอยแยกของมิติแห่งความหยั่งรู้
- 18 ความผิดพลาดครั้งใหญ่
- 19 ผลของการกระทำที่ตามมา
- 20 เพื่อนเก่ากลับมาอีกครั้ง
เนื้อเรื่องเกม God of War Ragnarok ที่เราพยายามเล่าแบบละเอียดตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบเรื่อง ด้วยเนื้อหาที่ครอบคลุมเหตุการณ์ทั้งหมดของเนื้อเรื่องหลัก โดย GameTonix จะพยายามเล่าเรื่องทั้งหมดแยกออกเป็น 2 Part เนื่องจากตัวเกมเนื้อหาค่อนข้างเยอะและยาวมากถึงมากที่สุด ตั้งแต่ที่เคยเขียนเนื้อเรื่องของเกมมาเลย
นอกจากเนื้อเรื่องเกม God of War Ragnarok แล้วเรายังได้ทำ รีวิวเกม God of War Ragnarok เอาไว้ให้อ่านเพิ่มเติมกันด้วย ถึงแม้ว่าเกมจะเปิดตัวมาแล้วสักพักใหญ่ๆ แต่เราก็เชื่อว่าอาจจะมีบางท่านที่ยังไม่ได้เล่นและอยากอ่านเนื้อเรื่องของเกมด้วยเช่นกัน **ระวังการสปอยเนื้อหากันสักนิด และหากท่านใดที่ไม่ต้องการให้เราสปอยเนื้อหาของเกมก่อนจะเล่น ท่านผู้อ่านสามารถข้ามเนื้อเรื่องของเกมกันไปได้เลย
เนื้อเรื่องเกม God of War: Ragnarok
เกริ่นเนื้อเรื่องจากภาคก่อน
เนื้อเรื่องของเกม God of War Ragnarok จะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตำนานของเทพนอร์สเล่าถึงฤดูหนาวอันยาวนานของ Fimbul Winter เริ่มต้นเรื่องด้วย Kratos และ Atreus แวะพักอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่งเพื่อล่าสัตว์ และกำลังจะนำสัตว์ที่ล่าได้กลับไปดูแล Fenrir หมาป่าที่กำลังป่วยอยู่ของพวกเขา ในระหว่างที่กำลังเดินทางกลับนั้นเอง Freya ก็ได้เข้ามาจู่โจมด้วยความโกรธแค้นอย่างเต็มประดาหมายที่จะเอาชีวิตของ Kratos ให้จงได้ ด้วยความโกรธแค้นที่ Kratos ได้สังหารเทพ Baldur ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ Freya ในภาคที่แล้ว
เข้าสู่เนื้อเรื่องหลัก
หลังจากที่หลบเลี่ยงและรอดพ้นจากการโจมตีของ Freya มาได้และเข้ามาอยู่ในเขตปลอดภัยแล้ว Kratos และ Atreus ก็ได้อยู่ดูและหมาป่าของพวกเขาที่ชื่อว่า Fenrir จนวาระสุดท้ายของชีวิต Atreus เสียใจเป็นอย่างมากที่หมาป่าที่เขารักได้ตายจากไป เขาจึงนำร่างของ Fenrir เดินหายเข้าไปในป่าเพื่อที่จะนำร่างของมันไปฝัง ในระหว่างที่ Atreus ได้นำหมาป่าของเขาไปฝังในป่านั้น Kratos ก็ได้แยกตัวออกไปเพื่อพักผ่อนและหลับไป หลังจากหลับไปสักพัก เขาก็ได้ตื่นขึ้นมาอีกครั้งและพบว่า Atreus ที่เข้าไปในป่ายังไม่กลับเข้ามานอนที่บ้านและเขาคิดว่า Atreus อาจได้รับอันตรายในระหว่างที่เข้าไปในป่าหลังยังไม่กลับมาเสียทีทำให้ Kratos ออกตามหา Atreus เข้าไปในป่าด้วยความเป็นห่วง
Atreus เสียใจเป็นอย่างมากที่หมาป่าของเขาได้ตายจากไปและทำให้อารมณ์ของเขาเกิดความแปรปรวน จึงส่งผลให้ตัวเขาเองเผลอใช้เวทมนตร์ของ Giant และทำให้เขากลายร่างกลายเป็นหมีอย่างไม่ตั้งใจ หลังจากนั้น Kratos ที่กำลังออกตามหา Atreus ก็ได้มาพบเข้ากับหมีตัวใหญ่ดังกล่าวและทำให้เกิดการต่อสู้กันจนทำให้ Atreus ได้สติกลับคืนมาและเขาก็พยายามที่จะบอกกับ Atreus ว่าเขาต้องเรียนรู้วิธีใช้พลังของตัวเองให้ดีกว่านี้ เพราะ Kratos เกือบเผลอฆ่าหมีตายโดยที่ไม่รู้ว่าหมีตัวนั้นคือ Atreus ที่กลายร่างเป็นหมีด้วยเวทมนตร์ของ Giant
หลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลับมาที่บ้านของตัวเองแต่ก็ยังไม่ทันได้พักผ่อนที่บ้านกันดี Thor เทพแห่งสายฟ้าก็ได้เดินทางมาถึงหน้าบ้านของพวกเขา และดูเหมือนว่า Thor เองก็ไม่ได้มาแบบเป็นมิตรเท่าไหร่และพร้อมกับโชว์ขวดเหล้าก่อนขอเข้าไปพูดคุยเรื่องสำคัญที่เขามาในครั้งนี้กันในบ้านของ Kratos
ข้อเสนอแห่งสันติ
ในระหว่างที่พวกเขานั่งคุยกันได้สักพักหนึ่ง Odin ก็มาปรากฎตัวที่หน้าประตูบ้านของ Kratos เช่นกัน เมื่อ Odin ได้เข้ามาในบ้านของ Kratos แล้ว Odin ก็ได้พูดถึงการตายของ Baldur เทพที่เป็นลูกของ Odin กับ Freya ที่ถูก Kratos สังหารตายไปและบอกว่า Baldur มีความสำคัญกับ Odin อย่างไรเมื่อพูดไปได้สักพัก Odin ก็ได้ยื่นข้อเสนอของการเจรจาเพื่อสร้างสันติกันระหว่าง Kratos และเทพ Aesir ทั้งหมด
Odin ได้ยื่นข้อเสนอกับ Kratos และบอกกับเขาว่าขอให้ Atreus หยุดออกตามหา Týr และ Odin สัญญาว่าเขาจะจัดการไม่ให้ Freya เข้ามาวุ่นวายกับ Kratos ให้เอง เมื่อ Kratos ได้ฟังข้อเสนอดังกล่าวของ Odin แล้วเขาก็ได้นั่งคิดไตร่ตรองอยู่สักครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะตอบปฏิเสธ Odin กลับไปอย่างไม่ลังเล
เมื่อการเจรจาขั้นต้นล้มเหลวจึงทำให้ Odin รู้สึกผิดหวังกับคำตอบของ Kratos ที่ตอบปฏิเสธเขา แต่ Odin ก็ไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่ที่ Kratos จะตอบปฏิเสธกลับมา พร้อมทั้งบอกกับ Thor เป็นนัยๆ ว่าอย่าใช้เวลาทั้งวันละ (หมายถึง รีบๆ ฆ่ามันซะ) Thor ที่นั่งเก็บอารมและรอคำสั่งจาก Odin อยู่นานก็ได้คว้าค้อนคู่ใจซัดใส่ Kratos อย่างไม่รีรอและ Kratos ก็ได้ต่อสู้กับ Thor เพื่อสะสางหนี้แค้นเก่ากัน
หลังจากที่ต่อสู้กันพอเป็นพิธีเสร็จแล้ว Thor ก็เป็นฝ่ายจากไป (ดูเหมือนว่า Thor แค่อยากจะลองปะทะดูด้วยสักครั้งว่าเทพสงครามที่ฆ่าลูกหลานของเขาจะเก่งสักเพียงใด) ทันใดนั้นเอง Sindri และ Brok คู่ซี้คนแคระก็ได้ปรากฎกายออกมาและเปิดประตูมิติให้ Kratos เดินทางกลับไปบ้านเพื่อดูว่า Atreus ได้รับอันตรายหรือไม่ และ Brok ก็เสนอให้พวกเขาทั้งสองย้ายไปอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัยกว่านี้อย่างบ้านบนต้นไม้โลก Yggdrasil
เมื่อ Kratos กลับมาถึงบ้านแล้วและพบว่าลูกของเขายังปลอดภัยดี เขาก็ไม่ได้ติดใจอะไร และถามกับ Atreus ว่าสิ่งที่ Odin พูดหมายถึงอะไร Atreus ก็ได้เล่าให้ Kratos ฟังเกี่ยวกับสิ่งที่เขาเชื่อมั่นและขอให้ Kratos เชื่อในตัวเขา Atreus บอกกับ Kratos ว่าเขาได้ออกตามหา Shrines หรือแท่นบูชาที่เล่าถึงต้นกำเนิดและชะตากรรมมาสักพักแล้วด้วยความช่วยเหลือของ Sindri
ตามหา Týr เทพสงครามตามคำทำนาย
Atreus ได้เล่าทุกอย่างที่เขาเจอใน Shrines และบอกว่าเทพสงครามแห่งนอร์ส ที่ชื่อว่าเทพ “Týr” นั้นยังมีชีวิตอยู่แต่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน มีเพียงคำใบ้เท่านั้นที่บอกไว้ว่าเป็นสถานที่ ที่มีควันสีดำและพื้นดินที่มีเลือดไหลออกมา จนกระทั่ง Mímir ผู้รอบรู้ได้กล่าวว่ามันฟังดูเหมือนจะเป็นเหมืองและน่าจะเป็นเหมืองที่อยู่ในอาณาจักร Svartalfheim อาณาจักรของคนแคระ แต่เส้นทางไปยังอาณาจักร Svartalfheim และอาณาจักรอื่นๆ ถูก Odin ปิดกั้นเส้นทางไว้หมดแล้วและไม่มีทางที่จะเข้าไปได้ แต่ Atreus บอกว่า Sindri รู้ทางที่จะไปถึงอาณาจักรแห่งคนแคระและ Sindri น่าจะช่วยพาพวกเราไปที่นั้นได้
ด้วยความช่วยเหลือบางอย่างจาก Sindri ทำให้เราเดินทางมาถึงอาณาจักร Svartalfheim และออกตามหาเทพสงครามแห่งนอร์สที่ชื่อว่า Týr หลังจากที่ Kratos และ Atreus ได้พบกับ Týr เทพสงครามที่ถูก Odin กักขังตัวไว้แล้วพวกเขาก็ได้ทำการปลดปล่อยเทพ Týr ให้เป็นอิสระด้วยการทำลายเชือกวิเศษที่ Odin ใช้สะกดพลังของ Týr เอาไว้
แต่ดูเหมือนว่า Týr จะไม่มีเหตุผลสำหรับการต่อสู้ตามที่คำทำนายได้กล่าวไว้หลงเหลืออยู่อีกแล้ว และ Týr ก็คิดว่า Odin เป็นคนส่ง Kratos มาเพื่อสังหารเขาเมื่อ Týr ได้เห็นหัวของ Mímir ที่ Kratos ถือไว้ทำให้เขาคิดว่า Kratos เป็นคนสังหาร Mímir และทำให้เขาสติแตกวิ่งหนีออกไปด้วยความกลัวตาย จนกระทั่ง Kratos และ Atreus ต้องเข้ามาพูดคุยและบอกให้เขาได้ตั้งสติเสียที พร้อมกับบอกเหตุผลว่าทำไมถึงต้องออกตามหาเขา หลังจากที่ Kratos และ Atreus พูดคุยกับ Týr เสร็จแล้ว ทั้งหมดก็กลับไปเริ่มต้นกันอีกครั้งที่บ้านของ Sindri
ระหว่างที่กำลังเดินทางกลับไปที่บ้านของ Sindri เทพ Týr ก็ได้ถามถึงเหตุผลที่แท้จริง ที่ Kratos และ Atreus ออกตามหาเขาอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เพราะ Týr ก็เคยได้ชื่อว่าเป็นเทพสงครามมาก่อน และเขาได้ถามกับ Atreus ว่าก่อนหน้านี้ที่พูดถึงสงครามสุดท้าย Ragnarok นั้นหมายความว่าอย่างไร หรือเหตุผลจริงๆ ว่าทำไมถึงต้องการตัว Týr หรือเพียงต้องการที่จะให้ Týr เป็นคนนำทัพไปสู่สงคราม หรือต้องการให้ติดตามไปทำสงครามกันแน่ ทำให้ Týr ต้องบอกว่าถ้าเหตุผลที่ตามหาเขาเป็นแบบนั้น ให้สังหารเขาตรงนี้เลย เพราะเขาไม่ต้องการต่อสู้ หรือใช้กำลังสังหารใครอีกต่อไปแล้ว
Atreus บอกว่านั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการจาก Týr เลย เขาเพียงต้องการรู้ว่า Loki เป็นใครและมีหน้าที่ต้องทำอะไรต่างหากและ Týr ก็ได้บอกว่าเขาไม่คุ้นหูกับชื่อ Loki เลยและไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับชาว Giant สักเท่าไหร่
ตามหา Freya เพื่อปรับความเข้าใจ
Atreus ต้องการจะช่วยเหลือ Kratos อีกแรงและได้ตัดสินใจว่าเขาจะแอบไปหา Freya เพียงลำพังโดยที่ไม่ให้ Kratos รู้และในขณะที่กำลังตัดสินใจจะออกเดินทางตามหา Freya นั้นเอง ผู้ที่คอยช่วยเหลือเขาแบบลับๆ เสมอมาอย่าง Sindri ก็ได้ปรากฎตัวออกมาอย่างเงียบๆ และถาม Atreus ว่าจะไปหา Freya เพียงลำพังโดยที่ไม่มีเพื่อนเก่าอย่างเขาไปด้วยอย่างงั้นหรอ
Atreus ตกใจในการปรากฎตัวของ Sindri และดูเหมือนเขาจะไม่มีทางเลือกอะไรมากนัก นอกจากต้องตอบตกลงพา Sindri ไปเป็นเพื่อนด้วย และทั้งคู่ก็ออกเดินทางไปตามหา Freya ในอาณาจักร Midgard แต่ก่อนจะไปตามหา Freya นั้น สหายร่วมเดินทางอย่าง Sindri ก็ได้แนะนำ Atreus ว่าให้ไปเจอและพูดคุยกับงูยักษ์ที่ชื่อว่า Jörmungandr (ยอร์มุนกานดร์) เสียก่อน และหลังจากที่พูดคุยกับงูยักษ์เรียบร้อยแล้ว Atreus ก็ได้รับปริศนาใหม่มาเป็นคำว่า “Iron Wood” ซึ่งตัว Atreus เองก็ยังไม่รู้ว่าที่ Jörmungandr พูดว่า Iron Wood มันหมายถึงอะไรกันแน่
Atreus ออกตามหาจนได้พบกับ Freya แล้ว และเขาพยายามอธิบายถึงเหตุผลที่เขาแอบมาเจอ Freya เพียงลำพัง แต่ Freya ค่อนข้างประหลาดใจกับคำพูดของ Atreus และยังไม่เชื่อว่าที่ Atreus พูดเกี่ยวกับเหล่ายักษ์มันเป็นเรื่องจริง และ Atreus ยังได้บอกอีกว่าเทพ Týr ยังไม่ตายและยังมีชีวิตอยู่ เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งทำให้ Freya ประหลาดใจเข้าไปกันใหญ่ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ Freya เองก็เข้าใจว่า Týr ได้ตายไปแล้วเพราะ Odin บอกกับ Freya ไว้แบบนั้น ทำให้ Freya เริ่มเคลือบแคลงใจว่า Odin อาจจะกำลังโกหกอะไรบางอย่าง
ในเวลาต่อมาพวก Atreus และ Kratos ก็ได้วางแผนการเดินทางต่อและคิดว่าน่าจะต้องเดินทางไปที่ Alfheim อาณาจักรแห่งเอลฟ์ เพื่อออกตามหาคำทนายใหม่ของ Gróa ซึ่งเป็นดินแดนที่ Atreus บอกว่ามีแท่นบูชาอยู่ที่นั้น เมื่อเดินทางมาถึง Alfheim เราจะพบว่าดินแดนนี้เกิดการต่อสู้กันไปแล้วระหว่างเอลฟ์แสง และเอลฟ์มืด จนในปัจจุบันสมดุลของเอลฟ์นั้นสูญสลายไปหมดแล้วและเหลือเพียงเอลฟ์แห่งแสงเท่านั้นที่ยังปกครองวิหารแห่งแสงใน Alfheim
คำทำนายใหม่เปิดเผย
หลังจากที่ได้พบแท่นบูชาและได้เห็นคำทำนายของเทพ Gróa ในอาณาจักรเอลฟ์แล้ว พวกเขาทั้งหมดจึงได้รู้ว่าคำทำนายที่เทพ Gróa เคยบอกไว้ว่า สงคราม Ragnarok จะทำให้อาณาจักรทั้ง 9 ถึงคราวดับสูญ แต่คำทายใหม่ของ Gróa ที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อนก็ได้ปรากฎขึ้น ซึ่งเป็นคำทำนายที่ยังแม้แต่ Odin เองก็ยังไม่รู้ คำทำนายใหม่ที่ปรากฎขึ้นมาได้แสดงภาพให้เห็นว่าอาณาจักรที่พังทลายลงในสงคราม Ragnarok นั้นไม่ใช่อาณาจักรทั้ง 9 ที่จะดับสูญไป
จะมีเพียงแค่อาณาจักร Asgard เท่านั้นที่จะถูกทำลายและ Odin ก็จะต้องตายในสงครามครั้งนี้ด้วย แต่ Týr ก็กล่าวต่อว่าถ้าหากอาณาจักร Asgard พังทลายลงมันจะไม่ได้มีแค่ Odin เท่านั้นที่ต้องตาย แต่มันหมายรวมถึงชาวเมือง Asgard ด้วยเช่นกัน และเราคงต้องหาทางยับยั้งเพื่อไม่ให้เกิดสงครามขึ้นจะดีที่สุด เมื่อทุกคนได้เห็นคำทำนายแล้ว ก็ได้เตรียมตัวเดินทางออกจากอาณาจักร Alfheim และในระหว่างทางที่กำลังเดินทางกลับออกมาจากวิหารแห่งแสงเพื่อไปยังประตูทางเชื่อมกลับบ้าน พวกเขากลับต้องพบเจอเข้ากับกองกำลังของดาร์กเอลฟ์ที่เข้ามาปะทะและสู้กันมั่วไปหมด
Iron Wood ดินแดนแห่งยักษ์
เมื่อทุกคนกลับมาถึงบ้านของ Sindri และเตรียมตัวที่จะร่วมโต๊ะกินข้าวกัน Kratos และ Atreus ก็เกิดการปะทะอารมณ์กันขึ้น และ Atreus ก็ไม่พอใจที่พ่อของเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาคิดและเขาก็ปลีกตัวออกไปอยู่ในห้องเพียงลำพังคนเดียว และ Sindri ก็ได้เข้ามาปลอบใจ Atreus ในห้องพร้อมกับบอกให้เขานอนพักผ่อนสักหน่อยดีกว่า เผื่อว่าเรื่องทั้งหลายจะคลี่คลายเอง (น่าหมายถึงหลับเสียเถอะ อารมณ์จะได้เย็นลงบ้าง) แต่ Atreus ยังเชื่อในสิ่งที่เขาเห็นตามคำทำนายของ Gróa ว่าเหล่ายักษ์นั้นหลบซ่อนตัวอยู่ใน Iron Wood และเขาก็ได้หยิบลูกแก้วที่เหล่ายักษ์เป็นผู้สร้างไว้ออกมาและตั้งจิตนึกถึงสถานที่ดังกล่าว
หลังจากรู้สึกตัวและตื่นขึ้นมาในสถานที่แห่งหนึ่ง Atreus ก็ได้พบกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ทั้งสองได้พูดคุยกันสักพักและจึงได้รู้ว่าเธอนั้นมีชื่อว่า “Angrboda” และสถานที่แห่งนี้ก็คือ Iron Wood พอพูดคุยกันได้สักพัก Angrboda ก็บอกว่าเธอรอคอยที่จะพบ Atreus มานานแล้ว เพื่อที่จะบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ของ Atreus ให้ตัวเขาเองได้รับฟัง Angrboda ยังบอกต่อีกว่าแม่ของเธอได้เขียนเล่าอนาคตที่จะเกิดขึ้น ไว้บนแผ่นหินที่บ้านของเธอ เธอจึงได้ชวน Atreus ไปที่บ้านของเธอ เพื่อว่า Atreus ต้องการอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในอนาคตของคำทำนายดังกล่าว
เมื่อ Atreus เดินทางมาถึงบ้านของ Angrboda แล้ว เขาได้เห็นภาพวาดของคำทำนายดังกล่าว แต่ไปสะดุดตาเข้ากับคำทำนายในภาพๆ นึงที่เห็นว่า Kratos พ่อของเขาได้ตายลงและตัวของเขาก็ถูก Odin พาตัวไปอยู่ด้วยทำให้ Atreus รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากและควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้ ทำให้เกิดอารมณ์แปรปรวนและเผลอกลายร่างเป็นหมาป่าอย่างไม่ตั้งใจอีกครั้งหนึ่ง ทำให้ Angrboda เองก็ตกใจและต้องรีบเข้ามาปลอบขวัญ Atreus ที่กลายร่างเป็นหมาป่าไปแล้ว เพื่อให้เขาสงบสติอารมณ์และกลับคืนร่างเป็นคนอีกครั้ง
Angrboda ได้เล่าถึงหน้าที่ ที่แม่ของเธอมอบไว้ให้ก่อนที่แม่ของเธอจะตายไป นั่นคือหน้าที่การส่งต่อความรับผิดชอบดวงวิญญาณของเหล่ายักษ์ที่ยังหลงเหลืออยู่ และได้ถูกบรรจุเก็บไว้ในลูกแก้วให้กับ Atreus ดูแลต่อและเมื่อส่งต่อให้ Atreus แล้วหน้าที่ของเธอก็จะจบลงเพียงเท่านี้ แต่ Atreus ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าตัวเขาเองต้องทำอย่างไรกับลูกแล้วที่รับมา รู้เพียงแค่ว่าลูกแก้วทั้งหมดนั้นคือดวงวิญญาณของเหล่ายักษ์ที่ยังมีชีวิตอยู่ในรูปแบบของวิญญาณ แต่ Atreus รู้ตัวดีว่าเขาเองไม่สามารถทำหน้าที่รับผิดชอบดวงวิญญาณที่เหลืออยู่ของเหล่ายักษ์ได้ เขาจึงได้ส่งคืนลูกแก้วทั้งหมดให้กับ Angrboda ทำหน้าที่ดูแลตามเดิม เพราะเขาคิดว่า Angrboda น่าจะทำหน้าที่นี้ได้ดีกว่าตัวเขาเป็นแน่
ถึงเวลาที่ Angrboda และ Atreus ต้องแยกจากกันแล้วและเธอก็บอกให้ Atreus ตั้งจิตคิดถึงสถานที่ที่ต้องการจะกลับไปและ Atreus ก็ได้ทำตามที่ Angrboda บอกและตั้งจิตคิดสถานที่นั้นและได้พูดถึง บ้าน บ้าน บ้าน และเขาก็ได้กลับมาที่บ้านสำเร็จแต่ลืมคิดไปว่าบ้านหลังนั้น เป็นบ้านของเขาที่ตั้งอยู่ใน Midgard ไม่ใช่บ้านบนต้นไม้ของ Sindri เมื่อกลับมาถึงบ้านใน Midgard แล้ว และ Atreus ก็กำลังจะหาทางกลับไปที่บ้านของ Sindri ผ่านทางประตูมิติทันใดนั้น Kratos ก็โผล่ออกมาพร้อมกับการปะทะอารมณ์กับ Atreus ไปอีกชุด
มิตรภาพที่เรียกว่า “เพื่อน”
จากนั้นไม่นาน Freya ก็ได้โผล่มาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเข้ามาโจมตี Kratos อีกครั้ง และเราก็ได้ต่อสู้กันอยู่สักพักหนึ่งกับ Freya และในระหว่างการต่อสู้ Atreus ได้แปลงกายเป็นหมียักษ์เพื่อที่จะเข้าไปช่วยพ่อสู้กับ Freya แต่ Kratos ได้เข้ามาขวาง Atreus ในร่างสัตว์ป่าที่ขาดสติไว้ เพื่อไม่ให้ไปทำร้าย Freya และพยามทำให้เขากลับคืนร่างเดิมอีกครั้ง พร้อมกับเตือนสติ Atreus ว่า Freya คือเพื่อนของเราและเราไม่ควรทำร้ายเพื่อนของเราอย่างขาดสติเช่นนี้
หลังจากขัดขวาง Atreus ในร่างหมีไว้ ทำให้ Freya ได้คิดอะไรบางอย่างในระหว่างการต่อสู้กันและทำให้ Freya รู้สึกสับสนในความโกรธแค้นของตัวเองกับมิตรภาพระหว่างเพื่อนกับ Kratos เมื่อ Freya พอจะสงบสติและลดความโกรธลงแล้ว Freya ก็ได้เข้ามาพูดคุยกับ Kratos และขอให้ Kratos ช่วยเธอปลดปล่อยคำสาปอันแข็งแกร่งที่ Odin สาปเธอไว้และทำให้เธอไม่สามารถหลุดพ้นไปไหนจาก Midgard ได้ แต่การปลดปล่อยคำสาปนี้เราทั้งหมดจะต้องเดินทางไปที่ Vanaheim บ้านของ Freya เพื่อปลดปล่อยคำสาปของ Odin
ปลดปล่อยคำสาป
เมื่อเราเดินทางมาถึงยัง Vanaheim แล้วเราก็ได้พบกับน้องชายของ Freya ที่มีชื่อว่า “Freyr” น้องชายที่ห่างเหินกันมานานและไม่ได้ติดต่ออะไรกันอีกเลย หลังจากที่ Freya ต้องไปแต่งงานกับ Odin ในฐานะราชินีแห่ง Valkyries เมื่อพูดคุยกับ Freyr แล้ว Kratos และ Freya ก็ได้เดินทางเข้าไปในป่าของ Vanaheim เพื่อเดินทางไปยังสถานที่ ที่ Odin ได้ร่ายคำสาปกักขัง Freya ไว้และปลดปล่อยมันเพื่อให้ Freya เป็นอิสระอีกครั้ง แต่ก่อนที่จะปลดปล่อยคำสาปได้นั้น เราจะได้ต่อสู้กับสัตว์ร้ายผู้กัดกินรากแห่งต้นไม้โลกที่มีชื่อว่า “Níðhögg” สัตว์ต่างมิติที่คอยคุ้มกันคำสาปของ Odin อยู่
Kratos และ Freya ได้ช่วยกันต่อสู้กับ Níðhögg และสังหารมันได้ในที่สุด ทำให้ Freya สามารถปลดปล่อยคำสาปของ Odin ได้สำเร็จ เมื่อปลดปล่อยคำสาปและได้พลังเวทมนตร์กลับคืนมาเรียบร้อยแล้ว Freya ก็ได้พูดกับ Kratos ว่าตัวเธอนั้นไม่สามารถให้อภัยกับ Kratos ได้ในสิ่งที่ผ่านมาแล้วได้ แต่ก็ไม่อาจสังหาร Kratos ที่เป็นเพื่อนของเธอได้เช่นกัน
เมื่อทั้งสองได้พูดคุยกันเสร็จเรียบร้อยแล้วและปรับความเข้าใจกันเป็นที่เรียบร้อยและพร้อมที่จะร่วมมือกันอีกครั้งเพื่อโค่นล้ม Odin ต่อไป หลังจากนั้น Freya ก็ได้กลับมาที่แคมป์ของน้องชายและพูดคุยปรับความเข้าใจกันอีกครั้ง
ต่อมา Kratos และ Freya ก็ได้กลับมาที่บ้านของ Sindri เพื่อสอบถาม Atreus ว่าเขาหายไปไหนมา 2 วันแต่ Atreus ก็บ่ายเบี่ยงที่จะตอบคำถามที่ชวนอึดอัดใจ และ Kratos กับ Atreus ก็เริ่มปะทะอารมณ์กันอีกครั้ง และทุกคนในบ้านก็เริ่มเป็นห่วงกับความคิดของ Atreus ที่กำลังมองว่า Odin ไม่ใช่ศัตรูและเขาคิดว่าตัวเองจะสามารถร่วมมือกับ Odin เพื่อหาทางแก้ไขเพื่อไม่ให้เกิดสงคราม Ragnarok ได้
Mimir รู้สึกว่า Atreus กำลังเดินหลงไปในทางที่ผิดและพยายามเตือนสติ Atreus ว่า ให้ดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขาสิ ทั้ง Týr และตัว Mimir เอง ว่าการหลงเชื่อคำลวงของ Odin มันส่งผลร้ายแค่ไหน แต่ Atreus กลับรู้สึกว่าทำไมที่นี้ไม่มีใครที่เข้าใจในสิ่งที่เขาคิดหรือพูดเลยและเขาก็ได้เสียการควบคุมอารมณ์และกลายร่างกลายเป็นหมีดุร้ายอีกครั้ง และหนีออกจากบ้าน Sindri ไปยังประตูมิติ และมาโผล่ที่ Midgard อีกครั้ง
เมื่อมาถึง Midgard เขาก็ได้คิดอะไรไปต่างๆ นานา จนเดินทางมาถึงบ้านหลังเก่าของ Freya ใน Midgard และได้พบกับนกเรเวนของ Odin ที่ Odin ส่งมานำทางให้กับ Atreus ในการเดินทางไปยัง Asgard และในที่สุดเขาก็ได้เดินทางมาถึง Asgard เพื่อมาพบกับ Odin
อาณาจักร Asgard
เมื่อเดินทางถึง Asgard แล้ว สิ่งแรกที่เขาพบเห็นก็คือกำแพงหินที่สูงตระหง่านอยู่ตรงหน้าของเขา แต่ Atreus ไม่รู้ว่าจะข้ามกำแพงนั้นไปได้อย่างไร และเข้าจึงได้เริ่มคิดหาวิธีเพื่อที่จะข้ามกำแพงไปให้ได้ ในระหว่างที่เขากำลังหาทางข้ามไปหลังกำแพง Atreus ก็ได้พบเจอเข้ากับคนที่อาศัยอยู่ที่นั้น ชาวบ้านที่มาจาก Midgard เหมือนกันกับเขา ที่มีชื่อว่า “Skjöldr”
Skjöldr อาศัยอยู่นอกกำแพงของ Asgard และไม่ได้รับอนุญาติให้ข้ามไปหลังกำแพง เมื่อพูดคุยกับ Skjöldr เสร็จแล้ว Atreus จึงได้พยายามใช้วิธีปีนกำแพงที่สูงลิ่วขึ้นไปและ Atreus ก็ได้เจอกับใครคนนึงที่ออกมาต้อบรับเขาอย่างไม่ค่อยเป็นมิตร เมื่อ Atreus ขึ้นมายังด้านบนของกำแพงได้แล้ว ทำให้เขารู้ว่าชายที่มาต้อนรับเขาอย่างหยาบคายนั้นคือ “Heimdall”
ผู้มีตาทิพย์
Heimdall ผู้เฝ้าอาณาเขตเชื่อมต่อของดินแดนบนกำแพงกับ Asgard ผู้ที่ Atreus ก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นมิตรหรือศัตรูกันแน่ ได้นำทาง Atreus ไปหา Odin แต่การนำทางของเขาดูเหมือนว่าจะไม่ได้ปล่อยให้ Atreus ไปเจอกับ Odin ได้ง่ายๆ Heimdall ได้หลอกให้ Atreus เดินสำรวจในเมืองใน Asgard และก็ได้ใช้ช่วงเวลาที่ Odin ไม่อยู่ เพื่อต่อสู้กับ Atreus
เมื่อต่อสู้กันไปสักพัก Thor ก็เดินทางมาถึงพร้อมกับขัดขวางการต่อสู้ระหว่าง Atreus กับ Heimdall และบอกให้ Heimdall เลิกทำอะไรโง่ๆ กับแขกของท่านพ่อ Odin ได้แล้ว แต่ Heimdall ก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยเกรงกลัว Thor มากสักเท่าไหร่จนกระทั่ง Odin เดินทางมาถึงและขอให้ Heimdall หยุดเสียมารยาทกับแขกของเขาได้แล้ว จากนั้น Heimdall ก็ได้จากไปตามคำสั่งของ Odin
เมื่อ Atreus ได้พบกับ Odin แล้ว Odin จึงได้อาสาพา Atreus เดินเที่ยวชมดินแดนแห่ง Asgard ตามสถานที่ต่างๆ เพื่อทำให้ Atreus รู้สึกปลอดภัยในดินแดนใหม่นี้ Odin ได้พา Atreus กลับไปยังที่บ้านของตัวเองและพูดคุยกับ Atreus อีกครั้งถึงสิ่งที่ Odin กำลังจะทำต่อจากนี้ซึ่งต้องให้ Atreus เข้ามาช่วย
จากนั้น Atreus ก็ได้พบกับ Thrúd ลูกของ Thor กับ Sif และพวกเขาก็ได้ทำความรู้จักกันและพูดคุยอย่างเป็นกันเองกับ Atreus เกี่ยวกับการฝึกฝนเพื่อที่จะได้เป็น Valkyrie เมื่อพูดคุยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว Atreus จึงได้เข้าไปหา Odin เพื่อดูว่าเขาสามารถเรียนรู้อะไรจาก Odin ได้บ้างเพื่อที่จะช่วย Odin หยุดสงคราม Ragnarok ไม่ให้เกิดขึ้นอย่างที่ Odin ได้บอกไว้
มิติและหน้ากากแห่งความหยั่งรู้
Odin ได้พา Atreus ลงมายังสถานที่แห่งหนึ่งในชั้นใต้ดิน สถานที่ที่ Odin ค้นพบสิ่งที่เรียกว่าความรู้ของทุกสรรพสิ่งและความจริงของทั้งหมด Odin ก็ได้หยิบชิ้นส่วนของหน้ากากที่เป็นแหล่งพลังงานเดียวกันนั้นให้ Atreus ดู และถาม Atreus ว่าเขาสามารถอ่านอักขระที่เขียนไว้บนหน้ากากได้หรือไม่
เมื่อ Atreus เห็นอักขระบนหน้ากากนั้นจึงได้บอกกับ Odin ไปว่านี้มันไม่ใช่อักขระที่มีอยู่ในทั้ง 9 อาณาจักร (ซึ่งจริงๆ แล้วอาจหมายถึงมีเพียงแค่ยักษ์ Jötunn เท่านั้นที่สามารถอ่านอักขระเหล่านี้ได้) เมื่ออ่านและแปลความหมายของอักขระที่สลักไว้บนหน้ากากให้ Odin ฟังแล้ว ทำให้ Odin คิดได้และบอกกับ Atreus ว่าเขารู้แล้วว่าคำไบ้ของชิ้นส่วนถัดไปอยู่ในสถานที่ใด และ Odin ก็ได้ออกคำสั่งให้ Thor มาช่วย Atreus ตามหาหน้ากากอีกชิ้นส่วนหนึ่ง และมาได้วาร์ปพวกเขาทั้งคู่มาโผล่ยัง Muspelheim ดินแดนแห่งไฟ
Thor และ Atreus ได้ออกตามหาชิ้นส่วนของหน้ากากในส่วนที่ขาดหายไปที่เหลืออยู่ และ Atreus ได้บังเอิญไปเห็นแท่นบูชาแห่งเทพ Surtr ในขณะที่ Atreus กำลังจะเข้าไปสำรวจยังแท่นบูชาเพื่อดูว่าคำทำนายนั้นเป็นอย่างไร ทันใดนั้น Angrboda ก็ได้ปรากฎตัวออกมาเจอกันพอดีและทั้งคู่ก็ได้พูดคุยกัน จึงทำให้ Atreus ได้รู้ว่า Angrboda เองก็ได้ออกตามหาแท่นบูชาเพื่อค้นหาหินแห่งยักษ์อยู่
ทั้งคู่ได้เข้าไปดูคำทำนายในแท่นบูชานั้นพร้อมกัน คำทำนายในแท่นบูชาได้บอกเล่าเรื่องราวของเทพ Surtr และเทพ Sinmara ที่ได้ร่วมกันต่อสู้และรวมร่างกันด้วยความรักและกลายเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ที่เรียกว่า “Ragnarok” และทำลาย Asgard ในที่สุด
เมื่อ Atreus ได้แยกกับ Angrboda แล้วและกลับมาร่วมทางกับ Thor อีกครั้ง จนได้พบกับชิ้นส่วนของหน้ากากที่กำลังตามหาตามคำไบ้ได้แล้ว Atreus และ Thor ก็ได้เดินทางกลับไปหา Odin ที่ Asgard อีกครั้ง เพื่อบอกข่าวดีกับ Odin และ Odin ก็ได้พูดคุยกับ Atreus เกี่ยวกับความไว้ใจและการเชื่อใจกันอย่างที่ Atreus แทบจะไม่เคยได้รับจาก Kratos พ่อของเขาเลย เมื่อได้ยินอย่างนั้นทำให้ Atreus เริ่มคิดแล้วว่าตัวเขาเองก็ต้องการหาทางยุติสงครามในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน และถ้าหากเขาสามารถหยุดสงครามได้ พ่อของเขาก็จะได้ไม่ต้องตายตามคำทำนายอย่างแน่นอน
Norns ผู้หยั่งรู้
ในระหว่างที่ Atreus ได้หายตัวไปอยู่ที่ Asgard กับ Odin ทำให้ Kratos และ Freya คิดว่า Odin ได้จับตัว Atreus ไปยัง Asgard จึงได้คิดหาทางที่จะไปยัง Asgard ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเพื่อไปช่วย Aterus กลับมาให้ได้ Kratos จึงคิดว่าพวกเขาควรเริ่มต้นการค้นหา Atreus ด้วยการออกตามหาพวก Norns ให้เจอเสียก่อน
เมื่อพวกเขาออกเดินทางตามหาพวก Norns ในดินแดน Midgard และได้เดินทางไปถึงสถานที่แห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยหมอกลวงตาที่ทำให้พวกเขาเห็นภาพความทรงจำในอดีตที่คอยตามหลอกหลอนพวกเขาแต่ละคนเรื่อยมา จนกระทั่งพวกเขาสามารถหลุดออกมาจากหมอกและได้พบกับทะเลสาบแห่งหนึ่งที่มีม้า Kelpie ยืนอยู่ตรงริมทะเลสาบ ทั้ง Kratos และ Freya ก็ได้ขี่หลังมันเพื่อลงไปยังสถานที่แห่ง Norns ซึ่งเป็นสถานที่อยู่อาศัยของเทพีทั้ง 3 พี่น้อง (Urd – อดีต, Verdandi – ปัจจุบัน, Skuld – อนาคต) ที่คอยดูแลรักษาแหล่งน้ำศักดิสิทธิ์นี้
หลังจากฟังคำทำนายของเทพีทั้ง 3 แล้วทำให้ Kratos รู้แล้วว่า Atreus อยู่ที่อาณาจักร Asgard จริงๆ อย่างที่เขาคิดและคำทำนายยังบอกอีกด้วยว่า Atreus จะต้องตายด้วยน้ำมือของ Heimdall เมื่อ Kratos ได้ยินเช่นนั้น จึงทำให้เขาต้องรีบหาทางไปยังอาณาจักร Asgard ให้เร็วที่สุดเพื่อช่วย Atreus ให้รอดพ้นจากอันตรายและสังหาร Heimdall ถ้าหากจำเป็นต้องทำเพื่อให้ Atreus ปลอดภัย
อาวุธสังหารเทพ
Kratos ยังไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรเพื่อที่จะสังหาร Heimdall เทพที่มีดวงตาทิพย์มองเห็นทุกอย่างและสามารถอ่านจิตใจของคนอื่น รวมถึงสามารถมองเห็นอนาคตได้ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการถามคนที่รู้ดีอย่างพี่น้องคนแคระ Sindri และ Brok ทั้งคู่ก็ไม่ทำให้ Kratos ผิดหวังอย่างที่คิด
พวกเขาพอจะรู้ว่าทำอย่างไรจึงจะสามารถต่อสู้กับเทพผู้มีตาทิพย์อย่าง Heimdall ได้ จนกระทั่ง Brok ได้เสนอว่าทำไมไม่ใช้ Draupnir แหวนวิเศษที่แยกตัวได้ไม่รู้จบผสมผสานเข้ากับวัตถุดิบอื่นๆ เพื่อนำมาสร้างเป็นอาวุธออกมาใช้ต่อส้กับ Heimdall แต่วัตถุดิบที่เหลือนั้นต้องออกไปตามหาต่อที่อาณาจักร Svartalfheim และเราต้องออกเดินทางไปยังสถานที่แห่งนั้นเพื่อพบกับท่านหญิงคนหนึ่งในทะเลสาบ คนที่จะช่วยเหลือเราในขั้นตอนสุดท้ายของการสร้างอาวุธ และ Brok ก็ได้เสนอตัวเองและอาสาออกเดินทางไปกับ Kratos เพื่อไปเจอท่านหญิงคนนั้นแทน Sindri
ในระหว่างการเดินทางไปพบท่านหญิงนั้น Brok ได้พูดคุยกับ Kratos และบอกว่าวัตถุดิบที่ต้องใช้สร้างสิ่งของคือ กระแสลม ปลายหอก และเลือดเทพของ Kratos เมื่อเดินทางมาถึงสถานที่สร้างแล้วเราก็ได้พบกับท่านหญิงใต้ทะเลสาบแห่งนี้ ซึ่งท่านหญิงที่พูดถึงนั้นเป็นนางเงือกที่สามารถสร้างสรรค์สิ่งของได้ทุกสิ่งอย่างที่ต้องการ
ท่านหญิงก็ได้ผสมชิ้นส่วนที่มีทั้งหมดเข้าด้วยกัน และสร้างมันออกมาเป็นหอกแห่งลมที่ชื่อว่า “Draupnir Spear” และแปลงมันให้อยู่ในรูปของแหวน และหอก Draupnir นี้ก็ได้กลายมาเป็นอาวุธใหม่ในภาค God of War: Ragarok และเป็นอาวุธชิ้นที่ 3 ของเรา ก่อนจากกันกับท่านหญิงนางเงือก Brok ได้พยายามพูดคุยกับนางและช่วยขอให้นางร่ายพรให้กับหอกใหม่เล่มนี้ แต่ดูเหมือนว่านางจะสามารถสื่อสารได้กับผู้ที่มีวิญญาณเท่านั้น
และนั้นทำให้ Brok รู้ตัวแล้วว่า ตัวเขาเองไม่มีวิญญาณหลงเหลืออยู่แล้ว เขาได้ตายไปแล้วตั้งแต่อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในอดีต โดยที่ Sindri ได้ปกปิดความจริงนี้ไว้และไม่ยอมบอกให้ Brok รู้ แต่ความลับไม่มีอยู่ในโลก เมื่อ Brok ได้รู้ความจริงแล้วก็ทำให้เขาค่อนข้างไม่พอใจกับสิ่งที่ Sindri ทำและพยายามปกปิดความจริงกับ Brok ตลอดมา แถมยังจะเข้ามายุ่งเรื่องการตายของ Brok และ Sindri ยังจะเป็นคนทำให้เขาฟื้นขึ้นมาจากความตายอีกครั้ง
เสนอสันติอีกครั้ง
เมื่อ Kratos ได้อาวุธใหม่มาแล้วพวกเขาก็กำลังเดินทางกลับบ้าน ในระหว่างนั้น Odin ก็ได้ปรากฎตัวขึ้นตรงหน้า Kratos และเช่นเคย Odin ยังคงยื่นเสนอและพยายามตกลงกับ Kratos ว่าไม่ก่อการก่อสงครามกับ Kratos และต้องการที่จะหาทางออกของปัญหานี้ด้วยกัน
Odin บอกกับ Kratos ว่า Atreus เปรียบเสมือนกุญแจสำคัญที่จะใช้เพื่อแก้ปัญหาทั้งหมดนี้และ Odin ก็ต้องการตัว Atreus ไว้แก้ปัญหานี้ก่อน แต่ Kratos ก็ยังคงยืนยันคำเดิมว่าให้ Odin ส่งลูกชายของเขาคืนมา แต่ Odin ก็ได้พยายามเกลี้ยกล่อมให้ Kratos เห็นด้วยกับความคิดของ Odin ที่ไม่ได้ต้องการสงครามจริงๆ เมื่อพูดคุยเสร็จ Odin ก็ได้จากไปและเราก็ได้เดินทางกลับไปยังบ้านของ Sindri อีกครั้ง เพื่อวางแผนต่อไปว่าจะทำอะไรต่อ
รอยแยกของมิติแห่งความหยั่งรู้
จากนั้นใน Asgard เราจะได้กลับมาพบกับ Odin อีกครั้งในห้องหนังสือชั้นใต้ดินและดูเหมือนว่าจริงๆ แล้วเหล่าเทพแห่ง Aesir ก็จะไม่ค่อยพอใจกับการกระทำของ Odin สักเท่าไหร่ที่พา Atreus เข้ามาใน Asgard เมื่อ Atreus ได้พบกับ Odin ด้วยความสงสัยเขาจึงถาม Odin ไปตรงๆ ว่าท่านเป็นคนสังหาร Ymir ที่เป็น Giant ตัวแรกจริงๆ ใช่หรือปล่าว
Odin ก็ไม่ตอบคำถามนั้นตรงๆ และพยายามพูดให้ Atreus เห็นภาพว่าเจ้าสามารถหยุดดินถล่มได้หรือปล่าว? หรือสามารถทำให้พายุสงบลงได้ไหม? และนั้นก็เป็นสิ่งที่คนอื่นๆมองว่า Odin เป็นคนที่โหดร้ายที่ทำเช่นนั้น แต่จริงๆ แล้วเขาทำไปเพื่อต้องการปกป้องตัวเองเท่านั้นและครอบครัวเท่านั้น
Atreus ยังถามต่อถึงเหตุผลจริงๆ ว่าทำไม Odin จึงมาสร้างบ้านในที่แห่งนี้ และ Odin ก็ได้ตอบกลับ Atreus ไปว่า ในตอนที่เขาได้สังหาร Ymir ตายแล้ว ก็ได้ปรากฏรอยแยกนี้ขึ้นมา รอยแยกที่เขาพยายามมองเข้าไปในนั้นและทำให้เขาต้องสูญเสียดวงตาไปข้างหนึ่ง โดยที่ Odin ก็ยังไม่รู้ถึงคำตอบว่ามันคืออะไรแต่ Odin มั่นใจมากว่าในรอยแยกมิตินั้นจะมีคำตอบของความจริงทั้งหมดที่เขาต้องการอยู่ แต่เขาไม่สามารถมองเข้าไปในรอยแยกนั้นได้อีกแล้ว
จนกระทั่งเขาได้ค้นพบกับชิ้นส่วนของหน้ากากและ Odin ก็รับรู้ได้ในทันทีว่าพลังที่แฝงอยู่ในหน้ากากและพลังที่อยู่ในรอยแยกของมิตินั้นเป็นพลังแบบเดียวกัน และหน้ากากแบบสมบูรณ์อาจช่วยให้ Odin สามารถมองมันเข้าไปในรอยแยกนั้นได้อย่างปลอดภัยและสามารถทำให้ Odin ล่วงรู้คำตอบของทุกอย่างที่เขาต้องการได้และเขาจะได้รู้เสียทีว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวของ Odin เองบ้าง
Atreus ได้อ่านอักขระที่อยู่บนหน้ากากนั้นให้ Odin ฟังและบอกคำใบ้กับ Odin ว่าชิ้นส่วนชิ้นถัดไปจะอยู่ในที่หนาวเหน็บแม้กระทั่งลมหายใจ ที่นั้นคงจะหมายถึง Helheim ทั้ง Odin และ Atreus คิดแบบนั้นเช่นเดียวกัน และ Odin ก็ได้เตรียมคนร่วมทางไว้ให้กับ Atreus แล้วนั้นคือ Thrúd และคนพิเศษคนสุดท้ายอย่าง Heimdall ถึงแม้ทั้ง Atreus และ Thrúd จะไม่ค่อยลงรอยกันดีกับ Heimdall สักเท่าไหร่ แต่ทั้งหมดก็ต้องออกเดินทางไปด้วยกัน ตามคำสั่งของ Odin เพื่อทำหน้าที่ในการตามหาชิ้นส่วนของหน้ากากชิ้นสุดท้าย และทำให้ความปราถนาของ Odin เป็นจริง
ความผิดพลาดครั้งใหญ่
ในระหว่างที่กำลังตามหาชิ้นส่วนของหน้ากากชิ้นสุดท้ายอยู่นั้น Atreus ก็ได้ไปเจอเข้ากับ Garm หมาป่ายักษ์ที่นอนหลับอยู่และถูกล่ามไว้กับโซ่ขนาดใหญ่ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างเพื่อไม่ให้มันหลุดออกไปจากที่นี่ได้ แต่ Atreus ด้วยควาามที่เขาเป็นคนรักหมาป่าและรู้สึกเหมือนได้พบเจอ Fenrir หมาป่าที่ตายไปแล้วของเขา และเขาคิดว่ามันได้นอนขวางทางเข้าอะไรบางอย่างไว้ ทำให้ Atreus จึงเลือกที่จะทำการปลดปล่อย Garm ให้เป็นอิสระ และคิดว่าชิ้นส่วนของหน้ากากจะต้องอยู่หลังหมาป่าตัวนี้อย่างแน่นอน โดยที่ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดอะไรขึ้นหลังการปลดปล่อยหมาป่ายักษ์ตัวนี้ไปแล้ว
แต่การมายัง Helheim ก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาพบชิ้นส่วนของหน้ากากชิ้นส่วนสุดท้ายแต่อย่างใด นั้นทำให้ภารกิจในครั้งนี้ล้มเหลวและเขาต้องกลับไปอธิบายเหตุการณ์ครั้งนี้กับ Odin ว่ามันเกิดอะไรขึ้นและทำไมถึงล้มเหลว เมื่ออธิบายเสร็จแล้ว Atreus รู้สึกว่าตัวเขามักจะทำให้ใครๆ ผิดหวังในสิ่งที่เขาทำเสมอและรู้สึกอยากกลับบ้านของ Sindri ไปสงบสติอารมณ์ก่อน เมื่อเห็นดังนั้น Odin จึงตอบสนองคำขอของ Atreus ปล่อยให้ให้เขา กลับบ้านไปโดยที่ไม่กักขังหรือบังคับอะไรเขาแม้แต่น้อย
ผลของการกระทำที่ตามมา
เมื่อ Atreus กลับมาถึงบ้านของ Sindri และปรากฎว่า Hel-Walkers ได้บุกเข้ามาที่บ้านผ่านรอยแยกของมิติเป็นจำนวนมาก และนี่เป็นสิ่งที่สืบเนื่องจากการที่เขาได้ไปปลดปล่อย Garm หมาป่าที่มีพลังในการแหวกมิติได้ตามใจชอบ โดยที่ไม่รู้ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น และเมื่อเราสามารถจัดการกับฝูง Hel-Walkers ที่โผล่มาแล้วได้สำเร็จ Atreus และ Kratos ก็ได้พบกันอีกครั้งพร้อมกับที่ Atreus ได้สวมกอด Kratos ด้วยความคิดถึงและรู้สึกผิดที่จากไปด้วยอารมณ์แบบไม่ทันได้คิด
การปลดปล่อย Garm เป็นความผิดครั้งใหญ่ที่สุดที่ Atreus ได้เผลอทำลงไป ทุกคนล้วนตกใจกับสิ่งที่ Atreus ทำลงไป และต่อว่าเขาว่าทำไมถึงทำไอะไรโดยไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดีเสียก่อน แต่ Kratos กลับไม่ต่อว่า Atreus เลยสักคำและรู้สึกโล่งใจมากกว่าที่ Atreus ยังปลอดภัยดี ทั้งสองจึงบอกกับทุกคนว่า ถ้านี่เป็นความผิดที่ลูกของเขาได้ทำลงไป เขาผู้เป็นพ่อก็พร้อมที่จะปกป้องลูกของเขา และปล่อยให้พวกเขาเป็นคนไปจัดการแก้ปัญหาใหญ่ครั้งนี้เอง และเขาจะจัดการกับ Garm ให้เรียบร้อย ทั้งคู่จึงได้วางแผนการที่จะกำจัด Garm เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ให้เรียบร้อย
เพื่อนเก่ากลับมาอีกครั้ง
ในระหว่างที่ต่อสู้เพื่อปราบ Garm ทั้งสองคนก็ได้เปิดใจคุยกันถึงคำทำนายที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสองคน Atreus ได้บอกกับ Kratos ว่าเขาเห็นในคำทำนายว่า Kratos จะตายอยู่ในอ้อมแขนของเขา แต่ Kratos บอกกับ Atreus ว่าตัวเขาเองรู้เรื่องนี้อยู่แล้วและทำให้ Atreus ประหลาดใจว่า Kratos รู้เรื่องคำทำนายนี้แล้วอย่างนั้นหรอ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ Kratos ต้องบอกให้ Atreus ฝึกฝนตัวเองให้แข็งแกร่งและอยู่รอดให้ได้โดยที่ไม่มี Kratos แล้ว
เมื่อจัดการกับ Garm ได้ด้วยวิธีการที่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะใช้ได้ผลนั้นคือ Atreus ได้เอามีดที่มีดวงวิญญาณของ Fenrir หมาป่าที่ตายไปแล้วของเขา แทงใส่ Garm และร่ายคาถาถ่ายทอดวิญญาณของ Fenrir จากมีดของเขาไปสู่ร่างของ Garm ทำให้วิญญาณของ Garm ถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของหมาป่าที่ตายไปแล้ว และได้กลายเป็น Fenrir หมาป่าที่พวกเขาคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี และทำให้ Garm เปลี่ยนจากหมาป่าที่ดุร้ายทำลายอาณาจักรกลายเป็นหมาป่าน่ารักไปในทันที
เมื่อสะสางปัญหาที่เกิดขึ้นเรียบร้อยแล้วพวกเขาก็เดินทางกลับไปยังบ้านของ Sindri อีกครั้ง และ Atreus ก็ได้เล่าถึงตอนที่เขาอาศัยอยู่ในอาณาจักร Asgard ให้ทุกคนฟังและได้เล่าว่า Odin กำลังหมกหมุนอยู่กับหน้ากากอะไรบางอย่าง Atreus จึงหยิบรูปหน้ากากที่เขาวาดให้ทุกคนดู และถามว่าเคยเห็นหรือพอจะจำกันได้บ้างไหม
Týr ที่พอจะนึกอะไรออกก็ได้บอกกับ Atreus ว่ามันเป็นหน้ากากแห่งความรู้อันไร้ขีดจำกัด ความสามารถของมันทรงพลังยิ่งกว่าการรู้ถึงคำทำนายล่วงหน้าเสียอีก เมื่ออธิบายจบแล้ว Freya ก็ขอปลีกตัวกลับไปหา Freyr น้องชายของนางที่ Vanaheim ก่อนเพื่อช่วยปราบผู้รุกรานอาณาให้เรียบร้อย
เราขอจบเนื้อเรื่องเกม God of War Ragnarok – Part 1 ไว้เพียงเท่านี้ก่อน เพราะเรารู้สึกว่าเนื้อหาค่อนข้างยาวมากพอสมควรแล้ว และสามารถอ่านเนื้อเรื่องในส่วนสุดท้ายต่อได้ที่
เนื้อเรื่องเกม God of War Ragnarok – Part 2
ซื้อผ่านร้านค้าใน Shopee ได้ที่ https://shope.ee/2fnLWgQsVh
ที่มา: Gametonix – Original Content