Warhorse Studios และ Deep Silver ประกาศวันวางจำหน่าย DLC สุดท้ายของ Kingdom Come: Deliverance 2 ในชื่อ Mysteria Ecclesiae (ละตินแปลว่า “ปริศนาแห่งศาสนา”) โดยจะออกบน PC, PS5 และ Xbox Series X/S ในวันที่ 11 พฤศจิกายนนี้ พร้อมราคาประมาณ $13.99 (ราว 476 บาท)
DLC นี้มาพร้อมกับตัวอย่างใหม่ที่เผยให้เห็นโทนเรื่องสุดเข้มข้นของการเมือง ศาสนา และโรคระบาดที่กำลังคืบคลานไปทั่วเมือง
🕯️ เรื่องราวแห่งอารามและความลับของศาสนา
ใน Mysteria Ecclesiae, ผู้เล่นจะกลับมารับบทเป็น Henry ชายหนุ่มผู้ถูกดึงเข้าสู่ภารกิจใหม่ในฐานะผู้ช่วยของนักปราชญ์ชื่อดัง Sigismund Albicus ผู้ซึ่งมีสายสัมพันธ์กับกษัตริย์ Wenceslas แห่งโบฮีเมีย
คราวนี้ Henry ต้องเดินทางเข้าสู่ อาราม Sedletz Monastery — สถานที่ที่เต็มไปด้วยปริศนาและความลึกลับ ทั้งการแย่งชิงอำนาจของแต่ละฝ่ายในศาสนจักร และโรคระบาดประหลาดที่กำลังคร่าชีวิตผู้คน ขณะเดียวกันทุกกลุ่มในอารามต่างก็มี “วาระซ่อนเร้น” เป็นของตนเอง
Warhorse Studios ระบุว่า Sedletz Monastery ได้รับการสร้างขึ้นด้วย ความแม่นยำทางประวัติศาสตร์ ทุกพื้นที่ภายในจะค่อย ๆ เปิดให้สำรวจตามความสามารถของผู้เล่นในการไขปริศนาและค้นพบความลับใหม่ ๆ
DLC นี้ยังมาพร้อมกับ เครื่องแต่งกายใหม่ อาวุธใหม่ ยาและตำราสูตรใหม่ ที่จะช่วยขยายแนวทางการเล่นและความรู้ของ Henry ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
⚒️ บทสรุปของ Season Pass และอนาคตของเกม
Mysteria Ecclesiae ถือเป็น DLC สุดท้ายใน Season Pass ของ Kingdom Come: Deliverance 2 ต่อจาก
- Shields of Seasons Passing (ก.พ.)
- Brushes With Death (พ.ค.)
- Legacy of the Forge (ก.ย.)
โดย Legacy of the Forge ถือเป็นภาคเสริมหลักก่อนหน้า ที่เล่าเรื่องการเดินทางของ Henry กลับไปยังเมือง Kuttenberg เพื่อรื้อฟื้นโรงตีเหล็กของบิดา และสานต่อความฝันในการซ่อมนาฬิกาดาราศาสตร์ในเมือง — เนื้อหาที่แฟน ๆ ยกให้เป็นหนึ่งใน DLC ที่ดีที่สุดของซีรีส์
แม้ Mysteria Ecclesiae จะเป็น “ภาคสุดท้ายของ Season Pass” แต่ทาง Warhorse ยังไม่ปิดโอกาสในการสร้างคอนเทนต์เพิ่มเติมในอนาคต โดยทีมงานย้ำว่า “ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่สามารถเล่าต่อได้ในโลกของโบฮีเมียยุคกลางนี้”
แล้วสิ่งนี้สำคัญกับผู้เล่นอย่างไร?
สำหรับแฟน Kingdom Come: Deliverance 2, Mysteria Ecclesiae ไม่ใช่แค่ DLC เพิ่มภารกิจ — แต่มันคือ บทสรุปของการเดินทางของ Henry ที่เริ่มต้นจากชาวบ้านธรรมดากลายเป็นผู้มีบทบาทในศาสนาและการเมืองของยุคกลาง
นี่อาจเป็น DLC ที่ปิดฉากเนื้อหาหลักของเกม แต่ก็นับเป็นสัญญาณว่าทีมพัฒนายังคงตั้งใจรักษาจิตวิญญาณของเกม RPG เชิงประวัติศาสตร์ที่สมจริงและลึกซึ้งที่สุดเกมหนึ่งในยุคนี้


