สารบัญ
- 1 การยกเลิกที่มาแบบไม่ทันตั้งตัว: “ช็อก เซอร์ไพรส์ และใจสลาย”
- 2 งานพากย์และ Performance Capture ทำต่อเนื่องถึงปี 2025: “ฉันอัดไปทั้งบทแล้ว”
- 3 เบื้องหลังความสูญเสีย: ไม่ใช่แค่เกมหาย แต่ “ระบบนิเวศของความสร้างสรรค์” ถูกตัดทิ้ง
- 4 เคยมีความพยายาม “กู้ชีพ” Perfect Dark แต่ดีลล่ม จนวันนั้นคือวันที่ “หมดความหวัง”
- 5 จาก Joanna สู่ Lara Croft: ช่วงเวลาที่สร้างสรรค์ที่สุด…แต่ก็กลัวจะเสียมันไป
- 6 แม้เกมถูกยกเลิก แต่ไฟยังไม่ดับสนิท: อดีตหัวหน้าและผู้กำกับถูก Take-Two ดึงไปตั้งสตูดิโอใหม่ใต้ 2K
แม้การรีบูต Perfect Dark ของทีม The Initiative จะถูกยกเลิกไปแล้วหลายเดือน แต่ข้อมูลใหม่จากฝั่งคนทำงานกลับทำให้เรื่องนี้ยิ่งน่าเสียดายขึ้นกว่าเดิม เมื่อ Alix Wilton-Regan นักพากย์/นักแสดง Performance Capture ผู้รับบท Joanna Dark ออกมาเล่าว่า ในช่วงก่อนโดนยกเลิกนั้น งานพัฒนาของเกม “กำลังไปได้ดี” และสตูดิโอส่งมอบความคืบหน้าเป็นระยะจนถึงระดับที่ “ลูกค้าพอใจจริง ๆ”
เธอให้สัมภาษณ์กับ TheGamer ว่าตัวเองรู้ข่าวการยกเลิก “พร้อมกับทุกคน” และยอมรับแบบไม่ปิดบังว่าเหตุการณ์นี้ทำให้ช็อกหนัก เพราะไม่เห็นสัญญาณมาก่อนเลย
การยกเลิกที่มาแบบไม่ทันตั้งตัว: “ช็อก เซอร์ไพรส์ และใจสลาย”
Wilton-Regan เล่าว่าเธอรู้สึก “ช็อก เซอร์ไพรส์” ไม่ต่างจากคนอื่น ๆ ตอนที่เงินทุนถูกดึงและสตูดิโอถูกปิด เธอบอกชัดว่ามันเป็นเรื่องที่ “ไม่ทันตั้งตัว” และเหมือนถูกตัดงบแบบสายฟ้าแลบ ทั้งที่กำลังทำงานอยู่ น้ำเสียงของเธอไม่ได้พูดถึงแค่เกมที่หายไป แต่ยังพาดพิงถึงผลกระทบที่หนักกว่านั้นมาก คนจำนวนมากต้องตกงาน และทีมทั้งทีมถูกยุบในชั่วข้ามคืน
งานพากย์และ Performance Capture ทำต่อเนื่องถึงปี 2025: “ฉันอัดไปทั้งบทแล้ว”
สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้แทงใจคือรายละเอียดไทม์ไลน์การทำงานที่เธอเปิดเผย โดยเธอบอกว่า งานบันทึกเสียงเริ่มทำต่อเนื่องตลอดปี 2023 ขณะที่ งาน Performance Capture เกิดขึ้นมากในปี 2024 และลากยาวถึงปี 2025 และจากที่เธอรับรู้ ทีมงานไปไกลพอสมควรแล้ว ถึงขั้นเธอ “ทำงานเสร็จเป็นบท ๆ” ในจักรวาลของ Perfect Dark ไปแล้วด้วยซ้ำ
แม้เธอจะไม่ทราบว่าในฝั่งงานพัฒนาเกมโดยรวม (ระบบ/ด่าน/คอนเทนต์) เสร็จถึงไหน แต่เธอย้ำประโยคที่สะเทือนใจที่สุดของข่าวนี้ว่า The Initiative “ส่งมอบหลายไมล์สโตนที่ลูกค้าพอใจมาก” ก่อนจะถูกตัดงบ
เบื้องหลังความสูญเสีย: ไม่ใช่แค่เกมหาย แต่ “ระบบนิเวศของความสร้างสรรค์” ถูกตัดทิ้ง
Wilton-Regan พูดถึงการยกเลิกครั้งนี้ว่า “devastating” เพราะมันไม่ใช่แค่โปรเจกต์หนึ่งถูกหยุด แต่มันคือแรงงานจำนวนมากที่ถูกสลาย และ “ระบบนิเวศของความสร้างสรรค์และการทำงานร่วมกัน” ที่เคยมีอยู่ถูกพรากไปในคืนเดียว เธอย้ำว่ามันยากมากสำหรับทุกคน—ยากแบบที่คำว่าเสียใจยังอธิบายไม่พอ
เคยมีความพยายาม “กู้ชีพ” Perfect Dark แต่ดีลล่ม จนวันนั้นคือวันที่ “หมดความหวัง”
อีกจุดที่น่าสนใจคือเธอพูดถึงความพยายามฟื้นการพัฒนา Perfect Dark ที่เคยถูกเล่ากันว่าอาจเกิดผ่านดีลธุรกิจซับซ้อน (แนวคิดว่ามีการคุยเรื่องสิทธิ์ IP และผู้สนับสนุนเงินทุนรายใหม่) โดยเธอยอมรับว่า ตอนที่ข่าวออกสื่อว่าถูกตัดงบ เธอไม่สามารถพูดอะไรได้มาก เพราะรู้ว่ามีการเจรจาอยู่เบื้องหลังเพื่อ “ให้ Perfect Dark ไปต่อ” ไม่รูปแบบใดก็รูปแบบหนึ่ง อาจเป็นเวอร์ชันที่เล็กลง หรือปรับทิศทางใหม่
แต่แล้ววันหนึ่ง เธอได้รับข่าวจากทีมครีเอทีฟว่าดีล “ไม่ผ่าน” ทุกอย่างพังลง และโปรดักชันต้องหยุดแบบเต็มรูปแบบ—เธอบอกว่านั่นคือวันที่เธอ “เศร้าที่สุด” เพราะเป็นวันที่ “ความหวังหายไปจริง ๆ”
จาก Joanna สู่ Lara Croft: ช่วงเวลาที่สร้างสรรค์ที่สุด…แต่ก็กลัวจะเสียมันไป
ปัจจุบัน Wilton-Regan กำลังรับบท Lara Croft ใน Tomb Raider ภาคใหม่ที่กำลังมา เธอบอกว่าการได้ทำงานกับทั้ง Lara และ Joanna คือหนึ่งในช่วงเวลาที่ “น่าตื่นเต้นทางครีเอทีฟที่สุด” ในชีวิต แต่เมื่อ Perfect Dark ถูกยกเลิก เธอยอมรับว่ารู้สึกโล่งใจที่ยังมี Lara อยู่…พร้อมกับความกลัวแบบตรงไปตรงมาว่า “ฉันก็กลัวจะเสีย Lara ไปเหมือนกัน ฉันยังกลัวอยู่”
ตามข้อมูลที่ระบุมา เธอจะได้ปล่อยผลงานในบท Lara Croft ผ่าน Tomb Raider: Legacy of Atlantis (ปี 2026) และ Tomb Raider: Catalyst (ปี 2027) บน PC, PS5 และ Xbox Series X/S
แม้เกมถูกยกเลิก แต่ไฟยังไม่ดับสนิท: อดีตหัวหน้าและผู้กำกับถูก Take-Two ดึงไปตั้งสตูดิโอใหม่ใต้ 2K
แม้ Perfect Dark รีบูต จะไม่อยู่ในการพัฒนาแล้ว แต่ข่าวก็ทิ้งท้ายด้วย “รอยต่อ” ที่น่าจับตา เพราะอดีตหัวหน้าสตูดิโอ Darrel Gallagher และผู้กำกับ Brian Horton ถูก Take-Two Interactive จ้างไปตั้งสตูดิโอใหม่ภายใต้แบรนด์ 2K ซึ่งอย่างน้อยก็สะท้อนว่า “คนเก่ง” จากโปรเจกต์นี้ยังถูกตลาดต้องการ และเส้นทางของพวกเขายังไม่จบลงตรงนั้น
ท้ายที่สุด เรื่องของ Perfect Dark รีบูตจึงกลายเป็นอีกหนึ่งกรณีที่เจ็บปวดในยุคที่เกมทุนใหญ่ต้องเสี่ยงสูง—บางครั้งไม่ใช่เพราะเกมแย่หรือทีมทำไม่ได้ แต่เพราะกระดานธุรกิจตัดสินให้ “หยุด” ก่อนที่ผู้เล่นจะได้เห็นสิ่งที่พวกเขาทำไปไกลแค่ไหน
