Tomb Raider: Catalyst

Tomb Raider: Catalyst ออกแบบให้ “เล่นเดี่ยวจบในภาคเดียว” มือใหม่ก็ไม่หลงทาง แฟนเก่าก็ฟินได้ครบ

Tomb Raider: Catalyst คือก้าวใหม่ของแฟรนไชส์ลาร่าหลังโชว์ตัวบนเวที The Game Awards 2025 และ Crystal Dynamics ก็ย้ำชัดว่า ภาคนี้ไม่ได้ทำมาเพื่อตอบโจทย์แค่แฟนเดนตาย แต่ตั้งใจให้ “ทุกคน” กระโดดเข้ามาเล่นได้ทันที โดยไม่ต้องทำการบ้านไล่อ่านไทม์ไลน์ 30 ปีให้ปวดหัวก่อน

Scott Amos หัวหน้าสตูดิโออธิบายว่า Catalyst จะเล่าเรื่อง Lara Croft ในจุดที่ “ไกลที่สุด” บนเส้นทางนักผจญภัยของเธอ ทุกเหตุการณ์จากภาคก่อน ๆ ถูกนับเป็น “อดีต” ของตัวละครไปเรียบร้อยแล้ว ทำให้แฟนเก่าที่เดินทางมากับลาร่าตั้งแต่ยุค PS1 หรือยุครีบูต จะรู้สึกเหมือนได้เห็นผลสรุปของเส้นทางชีวิตทั้งหมด แต่ในขณะเดียวกัน ตัวเกมก็ถูกดีไซน์ให้เป็น “การผจญภัยที่สมบูรณ์ในตัวเอง” ตั้งแต่ต้นจนจบ จะไม่มานั่งสอบไล่ความจำคนเล่นว่าจำภาคก่อนให้ได้ครบทุกภาคถึงจะอิน

เขาย้ำว่า Catalyst ถูกออกแบบมาให้เป็น “complete adventure top to bottom” คือหยิบมาเล่นเดี่ยว ๆ ก็เข้าใจได้ทั้งตัวละครและเรื่องราว โดยที่คนเล่นไม่จำเป็นต้องรู้จักทุกเสี้ยวของอดีตลาร่า ทุกอย่างที่จำเป็นจะถูกร้อยเรียงให้เข้าใจจากในภาคนี้อยู่แล้ว เหมือนเปิดหนังภาคใหม่ที่เล่าเรื่องจบในตัวเอง แต่คนที่ดูมาตลอดย่อมเห็นเลเยอร์บางอย่างมากกว่าคนดูใหม่

ด้านผู้กำกับ Will Kerslake เสริมภาพใหญ่ของไทม์ไลน์ว่า Catalyst จะเกิดขึ้น “หลังเหตุการณ์ของ Tomb Raider: Underworld หลายปี” ขณะที่ไตรภาครีบูตในยุค 2010s ถูกใช้เป็น “ต้นกำเนิดเวอร์ชันใหม่” ของลาร่าใน Unified Timeline นี้ หมายความว่าเราจะได้เห็นลาร่าในเวอร์ชันที่ผ่านทั้งยุคคลาสสิกและยุครีบูตมาแล้ว ถูกสังเคราะห์เป็นตัวตนที่มีประสบการณ์จัดเต็มที่สุดครั้งหนึ่งของซีรีส์

Kerslake ยังย้ำด้วยว่า สำหรับผู้เล่นใหม่ ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนประวัติศาสตร์ 30 ปีของซีรีส์ถาโถมใส่จนงง เพราะ Catalyst ถูกดีไซน์ให้เป็น “บทใหม่ของ Tomb Raider” ที่ยืนได้ด้วยตัวเอง คุณจะเข้าใจลาร่าในแบบของเกมภาคนี้ ต่อให้ไม่เคยจับ Tomb Raider ภาคไหนมาก่อนเลยก็ยังตามทัน ส่วนแฟนเก่าจะได้รางวัลเป็นดีเทลและการอ้างอิงเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทำให้ทุกก้าวของเธอใน Catalyst มีน้ำหนักทางอารมณ์มากขึ้น

Crystal Dynamics บอกไว้ตรง ๆ ว่านี่คือ Tomb Raider ที่ “ใหญ่ที่สุด” เท่าที่พวกเขาเคยทำมา ทั้งในแง่สเกลการผจญภัยและขอบเขตของเรื่องราว ตัวเกมกำลังพัฒนาลง PC, PS5 และ Xbox Series X|S โดยมีคิววางจำหน่ายในปี 2027 ส่วนคนที่อยากย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นแบบรีอิมาจิน ก็รอ Tomb Raider: Legacy of Atlantis ที่จะมาถึงในปี 2026 เป็นจุดเชื่อมอดีต-ปัจจุบันของลาร่า ก่อนมุ่งหน้าสู่ Catalyst อย่างเต็มตัว

Meta Description (สำหรับหน้าเว็บ Gametonix)
Tomb Raider: Catalyst ถูกออกแบบให้เป็น “การผจญภัยที่สมบูรณ์ในภาคเดียว” ผู้เล่นใหม่โดดเข้าเล่นได้เลยโดยไม่ต้องรู้ไทม์ไลน์ 30 ปี ขณะเดียวกันก็เล่าเรื่องลาร่าในจุดไกลสุดของเส้นทางนักผจญภัยให้แฟนเก่าซึมลึก วางไทม์ไลน์ต่อจาก Underworld โดยใช้ไตรภาครีบูตเป็นต้นกำเนิด พร้อมลง PC, PS5, Xbox Series X|S ในปี 2027

GameTonix Ads Banner 970x250